หนุ่มเขียนจดหมายตัดพ้อธุรกิจล้มเพราะพิษเศรษฐกิจ ก่อนผูกคอดับ

        ร้อยยตำรวจเอกชนาธิป โอ่งเคลือบ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงครามได้รับแจ้งเหตุมีผู้ผูกคอเสียชีวิตใต้ต้นขนุนพื้นที่หมู่ 10 ตำบลบ้านปรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยนายแพทย์วัชระเล็ก พิทยาคม แพทย์เวรโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสรรพราเชนทร์สมุทรสงคราม ในที่เกิดเหตุเป็นสวนมะพร้าวแบบสวนผสมผสาน บริเวณใต้ต้นขนุนพบศพนายฉลองชัย น้าสกุล อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/3 หมู่ 10 ตำบลบ้านปรก สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตแขนสั้นสีชมพูขาว นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีเทาผูกคอด้วยเชือกไนลอนสีแดงกับกิ่งต้นขนุนสูงจากพื้นประมาณ 3 เมตร คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ในกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายพบกระดาษสมุดฉีกเขียนข้อความว่า  "ธุรกิจค้ากุ้งล้มเพราะพิษเศรษฐกิจ หมดเงินก็หมดศักดิ์ศรี เราเป็นหนี้ไม่มีปัญญาใช้เขา เสียชีพดีกว่าเสียสัตย์ วงเล็บแม่จ๋าพ่อลาก่อน" เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นางสาวสมปอง พวงเขียว อายุ 45 ปี  ภรรยาผู้ตายเล่าว่าตนอยู่กินกับผู้ตายมากว่า 10 ปีมีลูกชายด้วยกัน 1 คนเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนมัธยมชื่อดังแหงหนึ่งในจังหวัดสมุทรสงคราม ประกอบอาชีพรับซื้อขายกุ้งแม่น้ำ กระทั่งเมื่อปีก่อนพิษเศรษฐกิจทำให้กุ้งที่รับซื้อขายมาได้เสียหายเป็นจำนวนมาก จึงต้องเลิกรับซื้อขายกุ้งแม่น้ำ หันมาค้าขายหอยแมลงภู่ตามตลาดนัดต่างๆ ต่อมาเมื่อ 2 เดือนก่อนรถปิกอัพที่ตนใช้เดินทางไปขายหอยแมลงภู่ก็ผุพัง ตนจึงถอยรถให้ใหม่ในราคา 600,000 บาท โดยเพื่อนเป็นคนดาวด์รถให้ ต้องผ่อนเดือนละ 6,000 บาท แต่ทั้ง 2 เดือนที่ผ่านมายังไม่ได้จ่ายค่างอดรถซักเดือน ก่อนเกิดเหตุเมื่อเย็นวานนี้ ขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นสามีก็พูดเปรยๆว่าถ้าพ่อเป็นอะไรให้ลูกชายบวชเณร แต่หากยากเรียนก็ขอให้ไปอยู่กับป้า ก่อนที่ตนกับลูกจะเข้านอนตอน 3 ทุ่ม ซึ่งสามีของตนก็นั่งดูโทรทัศน์ตามปกติ และเมื่อเช้าตื่นขึ้นมาก็ไม่พบสามีจึงออกตามหาจนมาพบว่าสามีตนผูกคอเสียชีวิตแล้ว

จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายมีอาการเครียดจากภาวะพิษเศรษฐกิจทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่างวดรถไม่มีทางออกจึงตัดสินใจผูกคอตายหนีปัญหา ซึ่งญาติไม่ติดใจเจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

นพพร บุญทนาวงศ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสมุทรสงคราม