ผอ.ททท.สำนักงานสุรินทร์ชวนเที่ยวรับตะวัน 3 แผ่นดินไทย

 

 

             เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2562  ผู้สื่อข่าวรายงายงานว่า  ที่ผามออีแดง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร   ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อยู่บริเวณใกล้เคียงกับทางเดินขึ้นปราสาทเขาพระวิหาร  น.ส.ธมลวรรณ   เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท.สำนักงานสุรินทร์และคณะ ได้เดินทางมาสำรวจบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวหลายวันช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 พบว่า  มีนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศพากันทะยอยเดินทางมาเที่ยวชมผามออีแดงกันอย่างต่อเนื่อง  โดยผามออีแดง เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดงมีระยะทางยาวประมาณ 500 เมตร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพของแผ่นดินประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปอย่างเป็นมุมกว้างได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตามีธรรมชาติที่สวยงามมาก   นักท่องเที่ยวจะมองเห็นสายหมอกที่ลอยอย่างอ้อยอิ่งจากเขตกัมพูชาเข้ามาในเขตแดนไทย ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่นมาก

 

 

 

 

 

 

น.ส.ธมลวรรณ   เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท.สำนักงานสุรินทร์ กล่าวว่า  ตนขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศให้มารอชมแสงแรกยามเช้าของวันที่ 1 มกราคม  2563 หรือเรียกว่ารับตะวัน 3 แผ่นดินที่ผามออีแดง  ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง 3 ชาติ คือไทย กัมพูชา และลาว  เพื่อซึมซับรับบรรยากาศของแสงแรกแห่งปี ซึ่งมีความเชื่อกันว่าการได้มารับพลังสุริยะจากแสงแรกของวันขึ้นปีใหม่ จะช่วยเติมเต็มให้ผู้ที่ได้รับพลังสุริยะได้มีพลัง โชคดีมีชัยและทำให้มีกำลังใจที่จะมุ่งมั่นในการทำกิจการงานต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ต่อไป  นอกจากนี้แล้ว บริเวณผามออีแดง ยังมีภาพแกะสลักหินนูนต่ำบนหน้าผาหินทราย อายุประมาณ 1,500 ปี เป็นภาพเทพ 3 องค์สร้างขึ้นก่อนปราสาทเขาพระวิหาร ราวกลางศตวรรษที่ 11   ซึ่งถูกประกาศให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์  เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมและศึกษาประวัติศาสตร์อารยะธรรมของขอมโบราณ  

 

 

 

 

น.ส.ธมลวรรณ   เจริญวงศ์พิสิฐ ผอ.ททท.สำนักงานสุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า  นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมผามออีแดง  จะสามารถส่องกล้องทางไกลชมความสวยงามของปราสาทพระวิหารได้ พร้อมทั้งจะได้ชมสถูปคู่ ทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ สร้างจากหินทราย ถือเป็นสิ่งก่อสร้างพิเศษ  ในส่วนของทางลงจากผามออีแดง จะมีปราสาทโดนตรวล  สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ. 1545) เป็นปรางค์เดี่ยว ผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวประมาณ 7 เมตร ย่อมุมทั้ง 4 ด้าน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตัวปรางค์ ก่อด้วย อิฐครึ่งหนึ่งและก่อด้วยศิลาแลงครึ่งหนึ่งโดยก่อศิลาแลงจากฐานถึงครึ่งผนังเรือนธาตุ จากนั้นก่อขึ้นไปด้วยอิฐฝนเรียบไม่สอปูนจนถึงยอดปรางค์ บริเวณทางเข้าทำเป็นมุขยื่นออกไป ผนังของมุขเป็นอิฐ หลังคาคาดว่าจะเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้องยาวประมาณ 5-7 เมตร สังเกตได้จากการเซาะร่องโครงสร้างหลังคาและขอบกระเบื้อง ที่ผนังองค์ปรางค์ด้านหน้า ต่อจากมุขมีแนวเสาหินทราย 4 ต้น  นอกจากนี้ในช่วงค่ำนักท่องเที่ยวจะได้ชมดาวล้านดวง ที่ลานนับดาว เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์และเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเชิญชวนไปเที่ยวเท่ ๆ สัมผัสเสน่ห์เมืองรองอีสานใต้ จ.ศรีสะเกษและ จ.สุรินทร์ เมืองรองที่ไม่เป็นรองใคร  ขอเชิญไปร่วมเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในแบบฉบับ Cool อีหลี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์  044-514447 โทรสาร  044 – 518530  ในวันเวลาราชการ

 

 

 

 

 

 

ศิริเกษ   หมายสุข  ผู้สื่อข่าว จ.ศรีสะเกษ