สุเทพขยับการเมืองจัดอบรมอุดมการณ์

 ลุงกำนันสุเทพ เดินหน้าขยับทางการเมือง เปิดอบรม “อุดมการณ์และการสื่อสารทางการเมือง” เชิญสมาชิก 900 คนร่วมรับฟัง โดยเปิดประเด็นถึงกลุ่มคนชังชาติ โดยหวังให้ประชาชนเข้าใจและสื่อสารทางการเมืองร่มกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อรักษาวัฒนธรรมของชาติและสถาบัน  ขณะที่พุทธอิสระประกาศยุติบทบาททางการเมืองโดยขอโอนย้ายให้แกนนำที่ร่วมอุดมการณ์ไปอยู่ในความดูแลของนายสุเทพ 
 

วันนี้ 14 ธันวาคม 62 ที่มูลนิธิธรรมอิสระ วัดอ้อน้อยธรรมอิสระ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้มีการจัดให้มีการเปิดอบรมหลักสูตร “อุดมการณ์และการสื่อสารทางการเมือง” นำโดยแกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรรครวมพลังประชาชาติไทย ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตหลวงปู่พุทธอิสระ โดยมีประชาชนที่สนใจเข้ามาร่วมในการอบรมกว่า 900 คน

ซึ่งในการจัดการอบรมดังกล่าว นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตหลวงปู่พุทธอิสระ ได้เริ่มขึ้นพูดทักทายกับผู้ที่เข้ามาร่วมภายในงานซึ่งมีการพูดคุยกันโดยให้ความเห็นว่าขอให้แกนนำที่ร่วมกันต่อสู้ทางด้านการเมืองที่อยู่ อาทิหลายจังหวัดให้โอนย้ายไปให้อยู่ในการดูแลของนายสุเทพ ซึ่งตนเองขอประกาศยุติบทบาทางการเมือง แต่มีข้อแม้ว่าหากไม่หนักหนาเกินกว่าที่ลุงกำนันจะดูแลได้ แต่ตนเองนั้นขอกลับไปบวชเป็นพระในอนาคตเพราะไม่อยากให้มีใครมาจมปรักกับหลวงปู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะติดคุกหรือไม่แต่ก็เชื่อว่าไม่มีอะไร ที่ผ่านมาก็เป็นพระอยู่แล้วแต่ก็มีเหตุที่ต้องอาศัยอำนาจทางการเมืองเข้ามาทำงานซึ่งมีบทบาที่หนักหนามาก และตอนนี้เรื่องต่างๆก็อยู่ในพระราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ก็จะไม่ทำอะไรให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท 

 ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ขึ้นมาพูดถึงเรื่องการต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมา ว่าได้ทำงานเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระพุทธศาสนา ซึ่งหลังสู้กับเสร็จสิ้นก็ยังทำงานในเรื่องการขึ้นศาลเพราะมีการถูกฟ้องหลายข้อหาเช่นเป็นผู้ก่อการร้าย เป็นอั้งยี่ซ่องโจร ขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าพลาดพลั้งไปแต่ละข้อหาก็ต้องติดคุก ตอนนี้ต้องตั้งสำนักงานทนายความว่าความให้พวกเราที่ถูกฟ้องร้องและยังต้องต่อสู้อีกยาวนาน

นายสุเทพ กล่าวอีกในการบรรยายอีกว่า วันนี้มีกระบวนการของกลุ่มที่จะเป็นลักทธิใหม่ คือพวกชังชาติ ซึ่งจะทำให้ประเทศเราเสียหาย ซึ่งวันนี้จึงต้องมีการให้มาพูดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญอย่างไร เพราะบางบ้านเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน ศาสนาก็ไม่สนใจ ซึ่งสิ่งดีดีที่เป็นวัฒนธรรมก็ควรเก็บไว้ อะไรดีดีก็ควรเก็บและเรากำลังจะเปลี่ยนอยู่แล้ว แต่บางพวกเรียนเมืองนอกมา ก็พยายามจะมาเปลี่ยน ฝรั่งมีประธานาธิบดี ก็อยากจะเป็นบ้าง วันนี้บ้านเมืองยังอันตราย ซึ่งเราจะต้องมีการทำพรรคการเมืองเพื่ออุดการณ์ พรรคการเมืองต้องทำเพื่อสถาบัน ซึ่งบางคนมาเล่นการเมืองเพื่อจะมามีอำนาจ ให้ตัวเอง ซึ่งถ้าคนทำการเมืองพรรคการเมืองที่ไม่มีธรรมะ ก็คือแก๊งโจร ซึ่งต้องมีการณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจ 

 วันนี้ผมยังก็ยังปวดใจเพราะบางคนยังเดินลอยหน้าลอยตามาก่อน แต่ประวัตินั้นน่ากลัวมา เราจึงจำเป็นต้องสร้างคนรุ่นใหม่ แต่ไม่ใช่คนแค่มีอายุแต่คนที่อายุ 70 ปี 60 ปี ซึ่งยังมีคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์ดีดี เข้ามาทำการเมืองเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งวันนี้จะมีการเดินหน้าให้ความรู้เรื่องของการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อทำงานเรื่องการเมืองไม่ต้องไปนั่งตากแดด รวมตัวชุมนุม ซึ่งเราจะมีการใช้สื่อเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งจะมีการเดินหน้าทำให้ประชาชนเข้าใจกับโซเชียลมีเดีย สำหรับในงานทางการเมืองของพรรคฯ ด้วย 

 ขณะที่บรรยากาศในการจัดการอบรมดังกล่าว เป็นไปอย่างสงบและเรียบร้อย ซึ่งการเดินหน้าขยับทางการเมืองของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นการขยับอย่างเป็นทางการหลังจากมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยเฉพาะประเด็นที่มีการจับตาเมื่อกกต. ได้มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่เพียงไม่กี่วันและมีกระแสของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ 

ปนิทัศน์ มามีสุข   นส.ปณิดา มามีสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  จ.นครปฐม