น้องเดียวเผยเคยทะเลาะกันมาหลายรอบ

            จากกรณีที่เพจ “จี้สัส จังหวัดคอน” ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “นายหนังคนดัง” โร่เข้าโรงพัก เพราะเมียหนีไป พร้อมรถยนต์ สมุดบัญชี ธนาคาร ถ้าเจอรถยาริสสีดำหมายเลขทะเบียน กล 8007 นศ และรถโตโยต้า ฟอร์นจูเนอสีขาว ทะเบียน กว 3262 นศ ช่วยเจรจาให้เอาสมุดคิวรับงานให้ด้วย เนื่องจากไปเล่นไม่ถูก เพราะกลัวว่าคนรับงานจะฟ้อง จึงมาแจ้งร้อยเวร 30 ให้ช่วยแจ้ง สายตรวจในข่ายช่วยด้วย เขาต้องการแค่นี้ เมียทุ่มทีนี้คงด่าพระไม่รอดแล้วแน่”

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา(3 ธ.ค.) นายบัญญัติ สุวรรณแว่นทอง นายหนังตะลุงชื่อดังของภาคใต้ เจ้าของคณะ “ หนังน้องเดียว ลูกทุ่งวัฒนธรรม ” เจ้ของฉายา “หนังตะลุงตาบอดสุดยอดอัจฉริยะ” ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สัมพันธ์ วัฒนสงค์ สว (สอบสวน) สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อลงบันทึกประจำวันและแจ้งให้จ้าหน้าที่ตำรวจสกัดรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยารีส สีขาว ทะเบียน กล 8007 นครศรีธรรมราช และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน กว 3262 นครศรีธรรมราช นางสุนิสา หรือ “จิ๊ป”สุวรรณแว่นทอง อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นภรรยาหนังน้องเดียวและญาติฝ่ายภรรยาขับออกจากบ้านพัก โดยร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดและเจรจาขอสมุดรับคิวงานเล่นหนังตะลุง และสมุดบัญชีธนาคาร เนื่องจากตอนนี้ได้รับความเดือดร้อน  เพราะไม่สามารถไปเล่นหนังตะลุงตามคิวนัดลูกค้า เกรงว่าจะถูกลูกค้าฟ้องร้องว่าเบี้ยวงานแสดง แต่ปรากฏว่าตลอดทั้งคืนไม่มีวี่แววพบรถยนต์ทั้ง 2 คันตามที่นายบัญญัติ หรือ หนังน้องเดียว มาแจ้งขอความช่วยเหลือและลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน

       ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าจากการสอบถามคนสนิทของนายบัญญัติ หรือหนังน้องเดียว ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ได้ให้ข้อมูลว่า หนังน้องเดียว กับภรรยา มีปัญหาเรื่องภายในครอบครัวมา 1 - 2 ปีแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร จนกระทั้งเมื่อวานนี้ทั้งคู่ได้เกิดมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงที่บ้านใน อ.ทุ่งสง โดยฝ่ายนางสุนิสา หรือจิ๊ป พร้อมแม่และญาติ ๆ จำนวนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ และไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ จนในที่สุดนางสุนิสา หรือจิ๊ป พร้อมแม่และญาติ ๆ  ได้ตัดสินใจขับรถทั้ง 2 คันหลบหนีไปจากบ้าน  ไม่สามารถติดต่อใครได้  ซึ่งหลังจากหนังน้องเดียวขึ้นโรงพักแจ้งความเป็นหลักฐานจนเป็นข่าวทางโซเชี่ยลอย่างกว้างขวาง โดยหนังน้องเดียว จะมีการชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง.

ยุทธนะ  เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช