"ลุงอู๊ด"พ่อเฒ่าพิการวัย 65นั่งบนสะพานริมถนนกวักมือขอธารน้ำใจคนที่ขับรถผ่าน-หาเลี้ยงน้องชายพิการและแม่วัยชราอายุ 91 ปี
(27 พ.ย.2562) ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้รับแจงจากพลเมืองดีที่ขับรถผ่านไปมาบริเวณสะพานห้วยน้ำขุ่น ตรงข้ามสนามยิงปืนเขาหมาก ถนนสายนครศรีธรรมราช-สามแยกสวนผัก หมู่ 15 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ว่ามีชายพิการวัยชราเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้อุปกรณ์ชวยเดิน 4 ขาออกมาจากบ้านอย่างอยากลำบาก ก่อนจะมานั่งริมถนนบนสะพานห้วยน้ำขุ่น และคอยกวักมือเรียกผู้ที่ขับรถผ่านให้จอดเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ผู้ที่ขับรถไปมาส่วนใหญ่จะไม่แวะจอดเพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุรถที่วิ่งตามหลังมาชนเอาได้ ในขณะที่มีรถบางคันขับเลยสะพานไปเล็กน้อย ก่อนจะจอดและลงมาสอบถามและให้เงินคนละ 10-20 บาท เพื่อให้ชายพิการนำไปเป็น่ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมถนนให้ข้อมูลว่าพ่อเฒ่าพิการคนดังกล่าวชื่อ “ลุงอู๊ด” บ้านอยู่ริมถนนลึกเข้าไปจากสะพานห้วยน้ำขุ่นประมาณ 100 เมตร จึงเดินเข้าไปหาบ้านของลุงอู๊ดพบว่าอาศัยอยู่บ้านปูนหลังเล็ก ๆ เลขที่ 421/1 หมู่ 15 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ภายในบ้านมีเสื้อผ้าเก่า ๆ และข้าวของเครื่องใช้ไม่กี่ชิ้น เท่าที่สังเหตุพบว่าทรัพย์สินในบ้านที่มีค่ามากที่สุดน่าจะเป็นพัดลมตั้งโต๊ะเก่า ๆ 1 ตัว จากการตรวจสอบพบลุงอู๊ดมีชื่อจริงว่านายสนั่น ทองดี อายุ 65 ปี พิการขาไร้เรี่ยวแรงเดินไม่ได้ ข้อเท้าและนิ้วหยิกงอ และยังมีอาการ ปากบิดเบี้ยวคอเกร็งทำให้พูดไม่ชัด ฟังไม่รู้เรื่อง อย่างไรก็ตามที่บ้านไม้หลังเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันพบชายพิการแบบเดียวกับลุงอู๊ดอีกคนหนึ่ง เดินไม่ได้นั่งอยู่บนพื้นหน้าบ้าน ทราบว่าเป็นน้องชายของนายสนั่น หรือ “ลุงอู๊ด” ทราบชื่อนายทิพมาศ ทองดี หรือ “ลุงทอก” อายุ 53 ปี แม้จะเดินไม่ได้แต่สามารถพูดจากได้อย่างชัดเจนอาศัยอยู่กับนางถนอม ทองดี หรือ “ยายหนอม” อายุ 91 ปี ซึ่งแม่ของนายสนั่นหรือ “ลุงอู๊ด” และนายสนั่น หรือ “ลุงทอก” โดยคุณยายหนอม ร่างกายยังแข็งแรง เดินได้ สายตามองเห็นชัดและหูก็ได้ยินชัด พูดจาฉะฉานคล่องแคล่ว
นางถนอม ทองดี หรือ “ยายหนอม” เปิดเผยว่า ตนมีลูก 5 คนภูมิลำเนาเดิมอยู่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในบริเวณดังกล่าวเมื่อหลายสิบปีก่อน ส่วนสามีได้เสียชีวิตไปเมื่อ 51 ปีที่แล้ว ตนจึงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงดูลูกทั้ง 5 คนเพียงคนเดียว นอกจากนายสนั่นหรืออู๊ด และนายทิพมาศ หรือ “ทอก”แล้วลูกสาวอีกคนซึ่งเป็นพี่ของนายสนั่นและนายทิพมาศ หรือทอก ที่มีบ้านอยู่ใกล้ ๆ กัน ทั้งหมดมีฐานะยากจน สำหรับนายสนั่นหรืออู๊ด พิการเดินไม่ได้มากว่า 20 ปีแล้ว ส่วนนายทิพมาศ หรือ”ทอก” พิการเดินไม่ได้มาประมาณ 10 ปี โดยทั้งหมดสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ รายได้หลักของทั้ง 3 คนคือเงินช่วยเหลือผู้พิการและเบี้ยยังชีพคนชรา
นายสนั่น หรือ “ลุงทอก” กล่าวว่าทั้งตนและนายสนั่น หรือ “ลุงอู๊ด”พี่ชายป่วยเป็นโรคกล้าเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบอ่อนแรง จนเดินไม่ได้ โดยนายสนั่นหรืออู๊ด พี่ชายเป็นก่อนเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังพอใช้เครื่องช่วยเดิน 4 ขาได้แต่ยากแต่ก็ค่อนข้างลำบาก และยังทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อเกร็งจนทำให้ลุงอู๊ดพี่ชายพูดไม่ชัด ส่วนตนเพิ่งป่วยเมื่อ 10 กว่าปีก่อนและเดินไม่ได้เลย ต้องนั่งอยู่กับที่มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่นับว่ายังโชคดีที่ตนยังพูดได้ชัดกว่านายสนั่น หรือ“ลุงอู๊ด”พี่ชาย ตามปกติตนพี่ชายและแม่จะอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน แต่เนื่องจากบ้านหลังเล็กคับแคบและชำรุด ทาง อบต.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช จึงเข้ามาสร้างบ้านปูนหลังเล็ก ๆ ใกล้กับบ้านหลังเดิมให้อีก 1 หลัง และให้นายสนั่น หรือ “ลุงอู๊ด”พี่ชายที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้เล็กน้อยได้ย้ายไปอยู่บ้านอยู่ดังกล่าว ส่วนตนยังอาศัยอยู่กับแม่ที่บ้านหลังเดิม
“แม้จะมีฐานะยากจน และมีรายได้เลี้ยงชีวิตเฉพาะเงินช่วยเหลือคนชราและผู้พิการ ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย โดยพี่สาวซึ่งอยู่ไม่ใกล้ ๆ กันก็คอยช่วยเหลือเรื่องอาหารการกิน แต่พี่สาวก็มีฐานะยากจนเช่นกันจึงช่วยได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามยังเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่ดีคอยหยิบยื่นแบ่งปันอาหารให้ตน พี่ชายและแม่อยู่เป็นประจำ จึงดำรงชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ สำหรับนายสนั่น หรือลุงอู๊ด พี่ชายในช่วงเช้าจะพยายามใช้เครื่องช่วยเดิน 4 ขาพยุงร่างออกไปนั่งบนสะพานริมถนนทุกวัน ๆ ละประมาณ 2 ชม.ระหว่าง 08.00-10.00 น. คอยกวักมือเรียกผู้คนที่ขับรถผ่านไปมาให้จอดและขอความช่วยเหลือ ซึ่งมีผู้ใจบุญที่ขับรถผ่านไปมาเห็นและจอดรถแวะลงมาสอบถามและหยิบยื่นเงินช่วยเหลือให้คนละ 10-20 บาททำให้มีรายได้วันละ 50-100 บาทนำมาเลี้ยง 3 ชีวิตอีกส่วนหนึ่ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเส้นทางจากบ้านมาถึงสะพานแม้ระยะทางแค่ 100 เมตรเศษแต่ก่อนถึงถนนระยะทางประมาณ 20 เมตรจะเป็นทางขึ้น-ลงลาดชันนายสนั่น หรือ “ลุงอู๊ด” จะไม่สามารถใช้เครื่องช่วยเดิน 4 ขาพยุงร่างขึ้นทางลาดชันได้ ส่วนใหญ่จะมีเพื่อนบ้านมาช่วยพยุงขึ้นทางลาดชัน แต่ในบางครั้งไม่มีเพื่อนบ้านคอยช่วยนายสนั่น หรือ “ลุงอู๊ด” ก็จะนั่งลงและจะมือดันก้นเขยิบขึ้นทางลาดชันทีละเล็กละน้อยอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะในช่วงขากลับต้องลงจากทางลาดชัน ลุงอู๊ดจะใช้มือดันก้นขยับลงมาอย่างระมัดระวังแต่บ่อยครั้งเกิดหมดแรงหรือเสียหลักร่างจะกลิ้งม้วนลงมาจากทางลาดชันเป็นที่น่าเวทนาสงสาร ส่วนผู้คนที่ขับรถผ่านจะเห็นนายสนั่น หรือ “ลุงอู๊ด”นั่งกวักมือเรียก แต่คนขับรถจะจอดแวะไม่ทันและขับเลยไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่คนที่จอดแวะลงมาให้เงินนายสนั่นหรือ“ลุงอู๊ด”ส่วนใหญ่จะเป็นขาประจำที่เห็นลุงอู๊ดนั่งอยู่บนสะพานริมถนนมาก่อนและตั้งใจจอดรถแวะลงมาให้เงินนายสนั่น หรือลุงอู๊ด”ด้วยความเอ็นดูสงสาร ซึ่งผู้ใจบุญที่ต้องการจะเยียวยาช่วยเหลือ 3 ชีวิตครอบครัวนายสนั่น หรือ”ลุงอู๊ด” ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช โทร./ไลน์ 082-3333139 หรือ 081-6761299 หรือโอนเงินเข้าบัญชีสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขบัญชี 389-0-09343-4 หากมีผู้ใจบุญช่วยเหลือเข้ามามาก ๆ ทางสมาคมสื่อมวลชนจะประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านและ อบต.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อมอบเงินให้ตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือ 3 แม่ลูกครอบครัวนี้โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดูแลกองทุนต่อไป.
ภาพ/คลิปศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช
ยุทธนะ เตมะศิริ นครศรีธรรมราช
ข่าวที่เกี่ยวข้อง