ศาลยกฟ้อง 3 นักข่าวพร้อมชาวบ้าน หลังถูกนายทุนฟ้องหมิ่นประมาท

 

 

               จากกรณีที่นายจรายพงศ์ ศักดิ์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ได้นำชาวบ้านจาก อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 30 คน เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช  เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากจากผู้มีอิทธิพลหรือนายทุนเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเปิดสำนักงานทนายความ เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ โดยมีทนายความซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจและทนายในสังกัดอีกหลายรายร่วมดำเนินการ ฟ้องร้องชาวบ้านเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเกินจริง เช่น ชาวบ้านยืมเงินกันแค่ 1,000-2,000 บาท แต่กลุ่มนายทุนกลับรับมอบอำนาจและนำสัญญาเงินกู้ของชาวบ้านมายื่นฟ้องต่อศาลสูงถึงรายละ 1- 3 แสนบาทและหลายรายถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาอีกด้วย มีชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่ฐานะยากจนตกเป็นเหยื่อได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส จนรวมตัวเดินทางเข้าร้องเรียนสำนักนายกรัฐมนตรี และศูนย์ดำรงธรรม อ.จุฬาภรณ์ ก่อนจะรวบตัวกันเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ให้ช่วยประสานสภาทนายความและ ฝ่ายหารกองทัพภาคที่ 4 เข้าช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2560

 

               จนต่อมานายทุนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายจรายพงศ์ ศักดิ์ศรี และชาวบ้านรวมอีก 17 คน ที่ร่วมลงชื่อในเอกสารร้องเรียนพร้อมผู้สื่อข่าว 3 คนประกอบด้วยนายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และ น.ส.กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ เลขานุการศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. นายยุทธนะเตมะศิริ คณะกรรมการสมาคมสื่อมวลชน ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ บิดเบือนหรือเป็นเท็จโดยการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น   ซึ่ง ร.ต.อ.เลิศฐพงศ์ คล้ายศรีบุญ พนักงานสอบสวน สภ.จุฬาภรณ์ ได้รับแจ้งความไว้ตามคดีเลขที่ 459/2560  และส่งมีความเห็นสั่งฟ้องพร้อมส่งสำนวนและผู้ต้องถึงอัยการจังหวัดทุ่งสง นครศรีธรรมราช ซึ่งทางอัยการได้นัดส่งผู้ต้องหา 21 รายฟ้องศาลเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2561 และในกระบวนการไต่สวนโจทก์ได้ยื่นคำร้องถอนฟ้องผู้ต้องหาที่ 4  จึงเหลือผู้ต้องหาจำนวน 20 คน  จนกระทั้งเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2562 ศาลพิพากษาตัดสินยกฟ้องจำเลยทั้ง 20 คน โดยศาลระบุว่าเฉพาะจำเลยที่เป็นสื่อมวลชนนำเสนอข่าวโดยสุจริต ตามที่เสนอข่าวมาตามลำดับแล้วนั้น

 

 

 

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 พ.ย.  2562 นายจรายพงศ์ ศักดิ์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช นายไพฑูรย์ อินทศิลา อุปนายก/ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช น.ส.กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ นายยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวประจำศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. พร้อมชาวบ้านที่เป็นจำเลยอีก 16 คน รวมจำเลยที่เหลือ 20 คน ได้เดินทางมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษา

 

               ซึ่งที่บัลลังก์ 7 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1676/61 ซึ่งบรรยายฟ้องระบุว่าตามที่ชาวบ้านซึ่งเป็นจำเลยทั้งหมดได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินจากโจกก์และพวกที่เรียกเก็บดอกเบี้ยสูงเกินจากที่กฎหมายกำหนด และยังถูกโจทก์ยื่นฟ้องทางแพ่งรวมเงินต้นแดอกเบี้ยสูงเกินความเป็นจริง จึงเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากนายจรายพงศ์ จำเลยที่ 1 พร้อมผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 และหมู่ 6 ต.สามตำบล พร้อมกำนัน ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ ก่อนจะรายงานให้นายอำเภอจุฬาภรณ์ทราบเรื่องราว นายอำเภอจุฬาภรณ์ จึงขอให้นายจรายพงศ์ และกำนันตำบลจุฬาภรณ์นำชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าพบเพื่อหาทางช่วยเหลือ แต่จากการตรวจสอบพบว่าชาวบ้านหลายรายถูกโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นศาล นายอำเภอจึงแนะนำให้นายจรายพงศ์ ผู้ใหญ่บ้านอีก 2 ท่านรวมทั้งกำนันทำหนังสือรายงานถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  และนำเอกสารฉบับเดียวกันเดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช โดยมีนายยุทธนะ  เตมะศิริ และ น.ส.กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ ช่วยกันรวบรวมภาพและข้อมูลเอกสารการร้องเรียนให้นายไพฑูรย์ อินทศิลา พิจารณาพิมพ์ข่าวเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ต่อไป และการนำเสนอข่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นการสนองต่อนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทั่วไประมัดระวังการกู้ยืมเงินนอกระบบ  การกระทำของนายจรายพงศ์ จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ใหญ่บ้านที่จะต้องดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นทำหน้าที่ตามกฎหมาย ส่วนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจริงจากการกู้ยืมเงินนอกระบบจำเป็นที่จะต้องหาทางดิ้นรนปกป้องตัวเองเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

 

 

 

 

               ในส่วนของสื่อมวลชนจำเลย 3 คนจำเลยที่ 19 ถึง 21 พิจารณาเห็นได้ว่าข้อความที่นำเสนอและลงพิมพ์หรือเผยแพร่ข้อความเช่นนั้นดังกล่าวในแอปพลิเคชันไลน์และสำนักข่าวทีนิวส์ออนไลน์ล้วนเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 18 ต่างมีส่วนได้เสียเพราะมีเหตุอันสมควรให้เชื่อว่าตนเองได้รับความเดือดร้อนจาก การกู้ยืมเงินนอกระบบจากสำนักงานทนายความซึ่งโจทก์ร่วมเป็นทนายความในสำนักงานดังกล่าว และมีหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ โดยลำดับตามขั้นตอน และการที่จำเลยที่ 19 ถึงที่ 21  ในฐานะสื่อมวลชนลงพิมพ์หรือเผยแพร่ข้อความเช่นนั้น ก็เป็นการแสดงข้อความโดยสุจริต ติชมด้วย ความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้เพื่อความชอบธรรม การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และที่ 5 ถึงที่ 21 จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3 ) ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น  ซึ่งหลังศาลอุทธรณ์ยกฟ้องสร้างความดีใจให้กับจำเลยทั้ง 20 คนเป็นอย่างมาก และเห็นว่าในปัจจุบันศาลยังมีความยุติธรรมเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ยังแต่ยังเกรงว่าทางโจกทก์จะยื่นฏีกา แต่ทุกคนก็พร้อมจะสู้เพื่อความบริสุทธิ์และเป็นธรรมต่อไปจนถึงที่สุด.

 

 

 

 

ภาพ/คลิป สำนักข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ยุทธนะ  เตมะศิริ นครศรีธรรมราช