รู้ตัวสาวใหญ่ หัวโจกรุมทำร้าย 2 สาวน้อย ม.1 และ ม.2 แล้ว เตรียมขยายผลดำเนินคดี
หลังจาก พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้เดินทาง เพื่อติดตามคดีทำร้ายร่างกาย หลังมีการแชร์คลิปวีดีโอกลุ่มผู้หญิงรุมทำร้ายร่างกายเด็กหญิงอายุประมาณ 12-14 ปี สองคนเหตุเกิดถนนแจ้ห่ม-เมืองปานหน้าวัดดอยซาง ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง
จนกลายเป็นข่าวโด่งดังในโลกโชเชียลอยู่ในขณะนี้ และได้ร่วมซักถามผู้ปกครอง และเด็กหญิงผู้เสียหายทั้งสองคน ซึ่งได้เดินทางมาให้ปากคำที่ สภ.แจ้ซ้อน พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปางเปิดเผยเพิ่มเติมว่า
จากการซักถามผู้ปกครองและเด็กทั้งสองคน ที่ถูกทำร้ายทั้งสองซึ่งทั้งสองคนอาศัยอยู่ อำเภอเมืองปาน จ.ลำปาง กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.1 และ ม.2 คนแรกชื่อนางเอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี คนที่สองชื่อ ด.ญ.บี (นามสมมุติ)
ซึ่งเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือน ต.ค.2562 ที่ผ่านมาในพื้นที่ตำบลแจ้ซ้อน แต่ที่ผ่านมาไม่มีการแจ้งความแต่ไม่ทราบว่าฝ่ายไหนเอาคลิปออกมาแชร์เป็นเหตุให้ทางผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนเดินทางมาให้ปากคำที่ สภ.แจ้ซ้อน
จากคลิปหากใครจะมาเคลียร์เรื่องส่วนตัว ต้องเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ผู้ก่อเหตุ อายุประมาณ 30-40 ปี เป็นผู้หญิงอาจจะมีหัวโจกของกลุ่มที่รุมทำร้ายซึ่งการดำเนินการไม่หนักใจเป็นตามกระบวนการกฏหมายซึ่งผมมาควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง
ส่วนสาเหตุหลัก น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับการคบหาเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุเชิงลึก คงจะมาคุยเคลียร์กันของเด็ก ส่วนกระแสข่าวว่าผู้ก่อเหตุโทรศัพท์มาขู่เด็กหญิงทั้งสองคนทราบว่ามีการผ่านคนอื่นมากรณีการแชร์คลิปดังกล่าว
แต่ผู้ปกครองครั้งแรกจะไม่มาร้องทุกข์ดำเนินคดีในตอนนั้น แต่เมื่อมีคลิปถูกแชร์ออกมาผมก็อธิบายกับผู้ปกครองว่าจะเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฏหมายเพราะฉะนั้น สังคมจะมองผู้ปกครองปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลลูก
ส่วนการย้ายโรงเรียนหนีหลังเป็นข่าวโด่งดังได้รับการยืนยันจากผู้ปกครองว่า เด็กต้องการย้ายโรงเรียนก่อนเกิดเรื่องแล้ว เพราะจะสะดวกในการเดินทางมาเรียน เพราะว่าอยู่คนละอำเภอ
ซึ่งขณะเข้าสู่กระบวนการดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายแล้วโดยทาง ร.ต.อ.สุพจน์ เป็น รองสว.สอบสวน ฯ ได้รับคำร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีแล้ว ส่วนผู้หญิงอายุประมาณ 30-40 ปี
ที่ก่อเหตุและปรากฏในภาพเจ้าหน้าที่พอรู้ตัวแล้วว่าเป็นใคร อาศัยอยู่คนละอำเภอกับเด็กผู้เสียหายเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายแล้ว ส่วนพฤติกรรมของแต่ละคนที่ปรากฏในคลิบและมีการดำเนินการตามขั้นตอนต้องโดนข้อหา”ร่วมกันทำร้ายร่างกาย”
แต่ต้องดูเจตนาก่อนว่าคนที่ปรากฏในคลิบเจตนาร่วมกันทำหรือชักชวนกันมาซึ่งจะมีการเรียกมาสอบปากคำทั้งหมดที่ปรากฏในภาพ เชื่อว่าคดีต้องมีความคืบหน้า แต่การดำเนินการก็ต้องดำเนินตามขั้นตอน
ภาพ/ข่าว ประทีป นันทะผาบ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดลำปาง รายงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง