เร่งฟื้นฟู โรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย ให้สมพระเกียรติ

วันที่ 5 พฤศจิกายน นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสนอหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรถึงอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ เพื่อให้ขอให้ยุบสหกรณ์การเกษตรโรงสีข้าวพระราชทานอ่าวน้อย จำกัด หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง เนื่องจากการดำเนินกิจการขาดทุนต่อเนื่องนานกว่า 14 ปี นั้น

“ ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารใหม่ทั้งหมด ผู้เกี่ยวข้องไม่ควรมองเพียงมิติของการขาดทุนหรือกำไร แต่ต้องหาวิธีการทำให้สหกรณ์โรงสีข้าวสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง สำหรับหน่วยงานระดับจังหวัดก่อนเสนอยุบ ควรนัดประชุมหลายฝ่ายเพื่อเสนอปัญหาให้คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( กปร.) หรือองคมนตรีให้ทราบปัญหา ภายหลังพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานเครื่องสีข้าว และทรงเสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิดโรงสีข้าวพระราชทาน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2524 ทำให้ปัจจุบันโรงสีข้าวพระราชทานเป็นสถานที่สำคัญประวัติศาสตร์ในเส้นทางตามรอยเสด็จ และเป็นความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะมีโรงสีพระราชทานไม่กี่แห่งในประเทศไทย “นายประมวล กล่าว

เป็นปัญหาเฉพาะข้อกฎหมาย ซึ่งอาจขัดแย้งกับหลักปฏิบัติในการดำเนินการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขณะนี้ได้แจ้งให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับทราบเพื่อดำเนินการบริหารสหกรณ์โรงสีข้าวพระราชทานให้สมพระเกียรติ เนื่องจากโรงสีข้าวพระราชทานเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารของสหกรณ์ฯ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้ถือเป็นสิริมงคล ควรได้รับการใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ และควรดำเนินการตามพระราชประสงค์เพื่อดำเนินกิจกรรมโรงสีข้าวอย่างต่อเนื่อง นางลั่นทม งุ่ยไก่ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย กล่าวว่า จากการประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านระดับอำเภอได้รับแจ้งจากปลัดอาวุโส แจ้งในที่ประชุมโดยระบุว่ารองผู้ว่าราชการจังหวัดรายหนึ่งแจ้งว่าจะไม่มีการยุบสหกรณ์โรงสีข้าวพระราชทาน หลังจากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์เสนอยุบเพราะขาดทุนอย่างหนัก จากนั้นตนได้เสนอในที่ประชุมให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางฟื้นฟูการบริหารงานสหกรณ์ใหม่ทั้งหมด

นายดิเรก จอมทอง คณะกรรมการที่ปรึกษาสหกรณ์การเกษตรโรงสีข้าวพระราชทานฯ กล่าวว่า หลังมีการบริหารโรงสีรูปแบบสหกรณ์เมื่อปี 2548 การบริหารทำได้ไม่เต็มที่ ขณะที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองและผู้บริหารระดับจังหวัดในรอบ 5 ปี ไม่ได้สนใจดูแลกิจการของสหกรณ์ฯ ส่วนปัญหาการเงินของสหกรณ์ ตั้งแต่การกู้เงินและนำเงินบางส่วนที่ได้จากการขายสินค้าได้แก่ข้าวสารและน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้ในการต่อเติมโครงสร้างอาคาร จากนั้นมีการลงทุนเพื่อการเคลื่อนย้ายตำแหน่งถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง การบริหารกิจการของสหกรณ์ช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้ไม่ได้รับความสนใจจากส่วนราชการใดๆ ขณะที่มีกเงินค้างชำระจากเอกชน หน่วยงาน ร้านค้า กรรมการบริหารสหกรณ์ที่มียอดค้างชำระรวมทุกรายในรอบ 10 ปีรวมหลายแสนบาท

“ นอกจากนั้นมีการถอนเงินสดจากบัญชีของสหกรณ์ประมาณ 3 แสนบาท นำไปซื้อปุ๋ยจำหน่ายในราคาเท่าทุน ขายแบบให้สินเชื่อปลอดดอกเบี้ย หลายรายที่ซื้อปุ๋ยและยังคงค้างจ่ายและผู้ซื้อบางรายไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์ สำหรับวิกฤตของสหกรณ์เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ ไม่สามารถนำเงินไปชำระยอดกู้จากกองทุนสหกรณ์ได้ตามกำหนด ทำให้ถูกลดเครดิต และถูกคณะกรรมการระดับจังหวัดปฏิเสธการอนุมัติเงินกู้จากกองทุนสหกรณ์ โดยมีข้าราชการระดับสูงรายหนึ่งแจ้งว่าจะไม่อนุมัติให้สหกรณ์กู้เงินและจะเสนอเรื่องให้ยุติกิจการสหกรณ์ “นายดิเรก กล่าว

/////////////ภาพ/ข่าว พอใจ จันทนา ข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ประจวบคีรีขันธ์