เย้ยกม. ฉก.ปกครองลุย"ปฏิบัติการปราบผี" คืนฮาโลวีน 2 ผับดัง

เมื่อเวลา 00.10 น. กลางดึกของวันที่ 1 พย. 2562  ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง  สํานักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง และนายนักรบ ณ ถลาง นายอําเภอเมืองชุมพร นำกำลังเข้าตรวจสอบจับกุม สถานบันเทิง เอมซ่ารอคผับ หรือ AIM ZAA ROCK PUB  ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร และ ปะการังผับ  ตั้งอยู่ ตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร

ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ได้รับร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีผับซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในพื้นที่ อำเภอเมืองชุมพร ฝ่าฝืนกฎหมายด้วยการยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปมั่วสุมในสถานบริการระหว่างเวลาทำการ ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ อีกทั้งยังมีเหตุทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายกันอยู่บ่อยครั้ง เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญและในบางครั้งทรัพย์สินของชาวบ้านในบริเวณนั้นก็ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558

จึงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทางลับเป็นเวลาหลายครั้ง พบว่ามีการกระทำความผิดตามข้อร้องเรียนจริง โดยก่อนเข้าจับกุมได้ส่งเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง แฝงตัวเป็นสายลับ เข้าไปใช้บริการภายในร้าน  พบว่าร้านเอมซ่ารอคผับ  มีการจัดกิจกรรม “Halloween night party คืนนี้ผีจะออกล่าหัว”  และร้านปะการังผับ   จัดกิจกรรม “Halloween ผีผ้าห่มปาร์ตี้”  เชิญชวนลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ แต่งตัวเป็นผีเสียค่าบัตรเข้าผับครึ่งราคา  มีการเชิญชวนให้นักเที่ยวแต่งกายด้วยชุดแฟนซี สวมหน้ากากเป็นปีศาจรูปร่างต่าง ๆ แต่งกายให้แปลกประหลาด  เช่น ปลอมตัวเป็นผีร้าย ผีผ้าห่ม แต่งตัวเป็นผีแม่มด สัตว์ประหลาด เพื่อเป็นสีสันในคืนฮาโลวีน

เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง  พบว่าผับทั้งสองแห่งนี้ มีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ แต่ไม่มีการตรวจบัตรประชาชนของนักเที่ยวเพื่อคัดกรองอายุก่อนให้เข้าใช้บริการแต่อย่างใด โดยยินยอมปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้ามามั่วสุมใช้บริการภายในร้านเป็นปกติ

พนักงานฝ่ายปกครองได้ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า สถานบริการบางแห่งเกิดปัญหาการทะเลาะวิวาทของเยาวชนเป็นประจำ ซึ่งเมื่อต้นปีเคยมีเยาวชนทะเลาะกันในผับ  เมื่อผับเลิกออกมา แล้วยิงกันเสียชีวิตด้านนอก

ภายในร้าน สายลับพบว่ามีลูกค้าประมาณ 500 คน แต่งกายด้วยชุดแฟนซี กำลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเต้นกันอยู่อย่างสนุกสนาน จากการสังเกตของสายลับน่าเชื่อว่านักเที่ยวส่วนหนึ่งเป็นบุคคลที่ยังอยู่ในวัยเรียน โดยสังเกตจากลักษณะหน้าตาและการแต่งกาย บางคนมีผมสั้นคล้ายเป็นบุคคลที่กำลังอยู่ในวัยเรียน ในช่วงอายุระหว่าง 16 - 20 ปี ประกอบกับเมื่อสายลับได้ทำการสืบหาข้อมูลผ่านทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook , Instagram  พบข้อมูลบุคคลซึ่งอยู่วัยเรียน ซึ่งมีบางคนกำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษา , บางคนอยู่ในระดับอาชีวะ ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเพจของร้านเอมซ่ารอคผับ ว่าตนเองเคยไปเที่ยวที่ร้านดังกล่าวมาแล้ว บางคนก็โพสต์ว่าไปเที่ยวตั้งแต่อายุ 16 ปี จนปัจจุบันอายุ 18 ปีแล้ว ก็ยังไปเที่ยวหรือใช้บริการของร้านดังกล่าวอยู่เป็นประจำ

สายลับเห็นว่า ร้านเอมซ่ารอคผับ และปะการังผับ   ได้ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยปล่อยให้เด็กและเยาวชนเข้าใช้บริการ และมีการจำหน่ายสุราให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบดำเนินคดี

ทันทีที่ชุดจับกุมเข้าไปถึงร้านเอมซ่ารอคผับ พบผู้ใช้บริการจำนวนกว่า 500 คน แต่งกายชุดปาร์ตี้คืนฮาโลวีน จากนั้นทำการคัดแยกผู้ใช้บริการ พบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน  225 คน โดยมีนักเที่ยว อายุต่ำสุดเพียง 15 ปี ซึ่งมีนักเที่ยวไม่พกบัตรประจำตัวประชน จำนวน  68 คน

ระหว่างเข้าตรวจสอบพบใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ ระบุชื่อนาย จิตรภณ เพชรบำรุง อายุ 55 ปี เป็นผู้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ มีนางสาว ศิริขวัญ ทองแท่ง  อายุ  33 ปี และนายยศกร  กันภัย อายุ 20 ปี  แสดงตัวเป็นผู้จัดการผับ  และมีนายคมวุฒิ วุฒิโภค อายุ 50 ปี (ลูกเขยอดีตนักการเมืองระดับประเทศและน้องเขยนักการเมืองระดับประเทศคนปัจจุบัน)แสดงตนเป็นเจ้าของร้าน แต่ไม่มีชื่อในใบอนุญาต   

ส่วนที่ร้านปะการังผับ พบผู้ใช้บริการจำนวนกว่า 500 คน  เมื่อทำการคัดแยกผู้ใช้บริการ พบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน  38 คน โดยร้านปะการังผับ มีนายสมชาย สุตราม อายุ 67 ปี  เป็นผู้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ และมีนายทรงธรรม ภู่พยัคฆ์ อายุ 43 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการผับ

               ปฏิบัติการครั้งนี้ ทั้งสองร้าน พบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมทั้งหมด 263 คน พนักงานฝ่ายปกครองได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ประกอบการทั้ง 2 ร้าน ดังนี้ 1. ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ซึ่งมิได้ทำงานในสถานบริการนั้นเข้าไปในสถานบริการระหว่างเวลาทำการ 2.ไม่ตรวจเอกสารราชการที่มีภาพถ่ายและระบุอายุของผู้ซึ่งเข้าไปในสถานบริการ 3.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี 4. ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร 5. จำหน่ายสุราให้แก่เด็ก พร้อมกันนี้ จะได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร มีคำสั่งปิดผับทั้งสองแห่งนี้เป็นเวลา 5 ปี ตามคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558 ต่อไป

               นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สํานักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ร้านที่ถูกจับกุมทั้งสองร้านเป็นสถานบริการที่ได้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ แต่กลับละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้รับอนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด ด้วยการปล่อยปละละเลยให้เยาวชนเข้ามาใช้บริการ ซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาเยาวชนทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง

นายรณรงค์ กล่าวอีกว่า จากการจับกุมในวันนี้พบความผิดชัดแจ้ง เรื่องการปล่อยปละละเลยให้เยาวชนเข้าใช้บริการ  โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อห้ามตามกฎหมาย ทำให้เกิดปัญหาเยาวชนมีพฤติกรรมเสี่ยง และเป็นครั้งแรกของการลงพื้นที่พบมีการปล่อยเด็กและเยาวชนเข้ามั่วสุมมากที่สุดจากการลงพื้นที่ ทั่วประเทศ     ดังนั้น แม้ร้านจะมีใบอนุญาต แต่หากท่านไม่ทำหน้าที่ของผู้รับอนุญาต  ก็จะต้องถูกสั่งปิด  5 ปี แน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ร้านเอมซ่ารอคผับ เป็นร้านที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ตลอดทั้งทั่วเขตเมืองชุมพรมาก และมีเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายกันเจ็บและเสียชีวิต เป็นประจำ นอกจากนี้หลังจากร้านปิดเด็กและเยาวชน ซึ่งอยู่ในวัยต้องห้าม ยังขับรถ จยย.เสียงดังก่อความรำคาญอีกด้วย ซึ่งทางชาวบ้านได้ร้องเรียนไปหลายครั้ง แต่ไร้การเหลียวแล ด้วยเหตุจาก ร้านเอมซ่ารอคผับ เป็นร้านของลูกเขยของผู้รายหนึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหนักใจในการกวดขัน ซึ่งการบุกเข้าจับกุมในครั้ง สร้างความสบายใจให้เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะโดนตำหนิว่าปล่อยปละละเลยก็ตาม

ภาพ/ข่าว จิตติ ดาวขจร จ.ชุมพร