"พุทธะอิสระ" เปิดใจ เศร้าที่ รถยนต์ญาติโยมถูกลอบเผา ชี้ไม่น่าทำร้ายกันเลย ส่วนการกลับมาห่มเหลืองใหม่ หลายคนยังกังขา อาจทำให้ศาสนาแปดเปื้อน คงต้องรอ
วันนี้ (31 ต.ค.62) เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม พบนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “อดีตพระพุทธะอิสระ” ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีมีคนมาลอบเผารถกระบะ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 เวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่รถกระบะโดนเผาเกิดขึ้นเมื่อไร? และมีกลุ่มใดที่คิดไม่ดีกับปู่บ้าง ? นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “อดีตพระพุทธะอิสระ” ตอบว่า ฉันไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่เกิดเหตุ เลยไม่เห็นสภาพรถ มีเด็กโทรมาแจ้งในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 01.00 น. และไม่รู้ว่าใครมาเผาเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามอยู่ แต่มีคนตั้งประเด็นว่าอาจเกิดจากสาเหตุที่พุทธอิสระเป็นผู้ชี้มูลความผิดกรณีเงินทอนวัด หรือกรณีขัดขวางสมเด็จพระวัดปากน้ำไม่ให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช หรือกรณีธรรมกายที่เราเคยร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีทุจริตเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่มีพี่น้องมาขอร้องให้ช่วยเหลือ ซึ่งเราบอกพวกเขาว่าคงไม่ใช่ เพราะเรื่องนี้เงียบไปนานแล้ว อีกอย่างเราไม่รู้แน่ชัดเลยไม่กล้าไปชี้เป้าว่าใครเป็นผู้กระทำ ซึ่งกระบะ 4 ประตูนี้ ลูกศิษย์เป็นผู้นำมาถวายให้เพื่อใช้สำหรับขนคนงาน ขนพืชผลทางการเกษตร และช่วยชาวบ้านเวลาที่เด็กๆ ต้องไปโรงเรียน ถือว่าเป็นการเผาครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกนั้นเผาด้านหลังของกุฏิ เนื่องจากพระฉันเพลอยู่ด้านหน้า
พุทธอิสระ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และหลายๆ คน หลายๆ กลุ่ม ก็ได้โทรมาด้วยความห่วงใยและให้กำลังใจ หลังออกมาจากคุกพร้อมกับกลุ่มสหกรณ์ยูเนี่ยน กลุ่มเงินทอนวัด ก็เลยมีคนที่รักใคร่สนิทสนมกันเป็นห่วง เราเลยบอกพวกเขาไปว่า อาจจะไม่ใช่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ได้ มันอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ ที่เราเสียดายคือ ชาวบ้านอุตส่าถวายรถมาเพื่อให้เป็นกิจของสงฆ์ไม่ใช่ของส่วนตัว การมาทำลายของสงฆ์ถือว่าเป็นบาปอย่างหนัก เราไม่อยากให้ไปรื้อฝอยหาตะเข็บ คนที่ทำคงไม่เป็นสุข อย่างน้อยเขาก็คงเผาใจตนเอง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า วันที่ 5 ธันวาคม นี้ ปู่จะห่มผ้าเหลืองหรือไม่?
พุทธอิสระ ตอบว่า จากที่ประชุมสงฆ์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา พระสงฆ์และฆาราวาสมีฉันทานุมัติให้กลับไปห่มผ้าเหลืองได้โดยที่ไม่ต้องไปขอบวชใหม่เพราะไม่ได้ลาสิขา แต่มีประเด็นทำให้สังคมเกิดข้อระแวงสงสัย จึงแจ้งไปว่าอย่าไปมุ่งหวังอะไรจนเกินไปหนัก คนอย่างพุทธอิสระทำอะไรไม่เคยหวัง ให้ทบทวนความเป็นไปได้ จะทำอะไรก็อย่างให้โลกต้องช้ำ ธรรมต้องไม่เสีย เรียกว่า อาณาจักรกับศาสนจักรต้องไปด้วยกันได้ หลังจากนั้น มีคุณเปลว ศรีเงิน คอลัมนิสต์ไทยโพสต์ เขียนให้คำแนะนำว่า ที่ถูกที่ควรแล้ว ควรจะกลับไปขอบวชใหม่ การกลับไปห่มผ้าเหลืองโดยไม่ได้ขอบวชใหม่น่าจะเป็นข้อกังขาให้หมู่มารทั้งหลายคอยจ้องโจมตี ซึ่งตรงกับใจของพุทธอิสระตั้งแต่ต้น
สาเหตุที่บวชเลยไม่ได้ เนื่องจากว่ามีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ว่าด้วยเรื่องของกฎหมายเถระสมาคมว่าด้วยหน้าที่ของพระอุปัจฉามีข้อห้ามในข้อ 15 (3) ห้ามภิกษุหรือบุคคลผู้ต้องคดีหรือถูกกล่าวหาในคดีอาญาเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา จึงทำอย่างที่หลายคนแนะนำไม่ได้ เนื่องจากพุทธอิสระยังมีคดีกบฏติดค้างอยู่ ต้องรอให้หมดคดีกบฏก่อน ไม่งั้นเด๋วจะไม่ผ่านขบวนการกฎหมายหรือบัญญัติของหน้าที่พระอุปัจฉา อีกทั้งการบวชต้องมีการถามอันตรายิกธรรม หนึ่งในอันตรายิกธรรมก็คืออันตรายที่เกิดจากพรหมจรรย์ก็คือการต้องกรณีพันธะไทย ก็คือเป็นพันธะต่อราชการบ้านเมือง เช่นหนีทหาร เป็นคดี เป็นหนี้เป็นสิน ซึ่งก็เป็นข้อห้าที่พระอุปัจฉาบวชให้ไม่ได้ พุทธอิสะก็คงอยู่ในข้อห้ามนั้น เพราะฉะนั้นในวันที่ 5 ธันวาคม จึงไม่สามารถกล่าวคำบวชได้ ตกลงปลงใจว่า กลางปีหน้าหรือปลายปีหน้าก็คงจะสิ้นสุดคดีกบฏหลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่
พุทธอิสระ กล่าวต่อว่า มีข้อกังขาและผู้คนจ้องโจมตีมากมาย แต่ต้องยอมรับว่ามีกฎหมายและบทบัญญัติหลายมาตราที่ขัดและค้านกับหลักธรรมวินัย ซึ่งกำลังดูทิศทางความเป็นไปได้ที่จะเรียกร้องและยื่นเรื่องต่อสภาปฏิรูปหรือคณะกรรมาธิการด้านพระพุทธศาสนาให้หันมาดูและแก้ไขให้ตรงกับหลักธรรมวินัย การที่พุทธอิสระเข้าไปอยู่ในคุกเป็นที่รู้กันว่า พุทธอิสระไม้ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาแต่ออกมาแล้ว พ้นจากมลทินแล้ว เพราะไปสารภาพแทนคนอื่น ถือว่ายกประโยชน์ให้ประเด็นนี้ไป แต่เราไม่ถือสิทธิห่มผ้าเหลืองเลย แต่รอให้พ้นจากคดีความทั้งหลายก่อนจึงมาเริ่มต้นนับหนึ่งกล่าวคำลาสิกขาแล้วขอบวชใหม่ แต่อย่างไรก็ต้องกล่าวคำลาสิกขาก่อนแล้วจึงจะบวชใหม่ เพราะถ้าไม่กล่าวคำลาสิกขาแล้วไปบวชจะเป็นกรรม 2 กรรมซ้อนกันก็จะผิดคำวินัยอีก แต่ถ้าไม่พ้นจากมลทิน ศาลพิจารณาโทษเราก็ต้องไปติดคุกตามเหตุและปัจจัย ลงทุนสู้มาขนาดนี้แล้วอะไรจะเกิดก็ต้องยอมรับสภาพ ยินยันว่า วันที่ 5 ธันวาคม นี้ไม่มีการห่มผ้าเหลืองแน่นอน
ภาพ/ข่าว นายสมคิด พรมมี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดนครปฐม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง