คนร้ายแอบวางยามรณะในน้ำดื่ม หวังสังหารทั้งวัด

 

             เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 เวลา 10.30 น.ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบพระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ 323 หมู่ 12 ตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เพื่อถามถึงกรณีที่ พระครูพิศาลอุทัยกิจ เจ้าอาวาสวัดหนองเข้ นั้นได้โพส facebook ที่ใช้ชื่อว่า วัดหนองเข้ ตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์

 

             โดยในโพส นั้นระบุข้อความไว้ว่า มีกลุ่มคนร้าย พยายามฆ่าพระทั้งวัดหนองเข้ นำสารเคมีประเภทยาฆ่าหญ้า มาใส่ถังน้ำในวัดที่ใช้เฉพาะภายในวัดเท่านั้น(พระครูพิศาลอุทัยกิจเจ้าอาวาสวัดหนองเข้ ผู้โพส อนุญาตให้แชร์ได้) และมีคนไปแสดงความคิดเห็นและแชร์เป็นจำนวนมาก

 

         พระครูพิศาลอุทัยกิจจึงได้เปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมาน้ำบาดาลที่ใช้สอบในวัดหนองเข้ อยู่ๆก็มีกลิ่นสารเคมีคล้ายกับยาฆ่าหญ้ามาเจือปนกับน้ำ พระภิกษุภายในวัดและญาติโยม ที่มาร่วมกันทำบุญที่วัด ได้ใช้น้ำบาดาล ทั้งใช้กินและอาบน้ำ รวมถึงใช้ล้างหน้าแปรงฟัน โดยมีโยมคนหนึ่งเป็นโยมผู้หญิง พระครูพิศาลอุทัยกิจ นั้นขอปกปิดชื่อของโยมผู้หญิงและข้อมูลไว้เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้สงวนไว้เพราะอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน ว่าโยมผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นมาช่วยงานของทางวัดเป็นประจำแล้วเกิดร้อนขึ้นมาจึงอาบน้ำในห้องน้ำของทางวัด หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วโยมผู้หญิงนั้นมีอาการเป็นตุ่มขึ้นและมีอาการแพ้อย่างรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาลอำเภอสว่างอารมณ์

 

       ล่าสุดอาการของโยมผู้หญิงคนดังกล่าว ก็ยังไม่ดีขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้นทางแพทย์ที่รักษาอยู่นั้นจำเป็นต้องส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัดอุทัยธานี โดยโยมผู้หญิงที่มีอาการแพ้นั้น เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว พออาบน้ำไปมีตุ่มคันและตุ่มใสๆขึ้นตามร่มผ้าร่มผ้าตามร่างกายเต็มไปหมด

 

 

         รวมถึงพระลูกวัดที่ใช้น้ำล้างหน้าและแปรงฟันก็มีอาการแพ้แต่เคราะห์ดีที่น้ำนั้นมีกลิ่นยาฆ่าหญ้าอย่างรุนแรงจึงรีบนำน้ำขวดหรือน้ำดื่มที่มีอยู่ในวัดล้างออกทันแต่พระบางคนก็มีอาการทางเยื่อบุตาอักเสบเพราะใช้น้ำที่พระครูพิศาลอุทัยกิจ เชื่อว่าต้องมีใครมาวางยาในวัด

 

           สาเหตุที่เชื่อว่าต้องมีคนมาวางยาฆ่าหญ้าไว้ในวัดนั้น ก็คือก่อนหน้านั้นทางวัดหนองเข้ นั้นขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภคอย่างมาก จึงได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ขอรถเจาะบ่อบาดาลจาก สมาคมชาวไร่อ้อยอุทัยธานี มาเจาะบ่อบาดาลให้ เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน 2562 และน้ำนั้นใสมากและสะอาดจนดื่มได้ ใช้มาตลอดไม่มีปัญหาอะไร

 

        น้ำบาดาลที่เจาะนั้นคุณภาพน้ำนั้นดีมากๆจนเป็นที่พอใจทางวัด แต่พอมาถึงช่วงวันที่ 7-9 ตุลาคม 2562 ก็มีคนมีอาการแพ้น้ำอย่างรุนแรงจนต้องนำตัวไปรักษาตัว เพราะมีอาการรุนแรงขึ้น และอีกประเด็นที่มั่นใจก็คือ ทางวัดนั้นได้ไปขัดผลประโยชน์ทางกรรมการวัดชุดเก่า เพราะทางวัดและกรรมการวัดน้ำมีปากเสียงกันมาเป็นระยะเวลานานมากเกือบ 20 ปี

    

 

 

           จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน  ทางกรรมการวัดชุดเก่า ก็ยังคงหวังผลประโยชน์ของทางวัด จึงวางแผนที่นำยาฆ่าหญ้ามาใส่ในถังน้ำในวัดที่มีถังพักน้ำอยู่ 3 ใบใกล้กับบ่อบาดาลและอีก 2 ถังอยู่บริเวณหลังศาลาวัด ซึ่งขณะนี้ได้ตัดท่อที่มีน้ำปนเปื้อนกับยาฆ่าหญ้าหมดเพื่อป้องกันอันตราย แต่ยังคงเก็บน้ำที่มาสารปนเปื้อนไว้จำนวน 5 ถังพักน้ำเพื่อเป็นหลักฐานและน้ำถังน้ำมาเพิ่มอีกหนึ่งใบเพื่อมาใช้สำรองไปก่อน

 

           โดยที่ผ่านมาพระครูพิศาลอุทัยกิจ นั้นได้เข้าไปบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอสว่างอารมณ์ไว้แล้วและยังนำตัวอย่างน้ำไปร้องกับทางอำเภอสว่างอารมณ์เพื่อขอให้ตรวจสารปนเปื้อนในน้ำ

 

           และขณะนี้ได้ดำเนินการนำน้ำที่เชื่อว่าปนเปื้อนกับยาฆ่าหญ้า ไปส่งตรวจยังจังหวัดนครสวรรค์ และยังเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานีเพื่อร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว เพื่อให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีรับทราบและขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างและชัดเจนว่าใครที่ไม่หวังดีนำยาฆ่าหญ้ามาใส่ในถังน้ำเพื่อหวังจะลอบฆ่าพระทั้งวัด

ภาพ-ข่าว นันทศักดิ์ วัฒนพานิช จ.อุทัยธานี