สาวใหญ่ร้องขอความเป็นธรรมคืนให้มีในสังคม หญิงเจ้าของร้านโต๊ะจีนและเต็นท์เช่า อ้างถูก ญาตินักการเมืองชื่อดังใน จ.อุบลราชธานี บอกจะจัดงานประกวดโคระดับประเทศ จึงชว
โดยผู้เสียหายรายนี้ชื่อ น.ส.ดารณี พลศรี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 3 ต.หนองฮี อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด ได้เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวในวันนี้ (9 ต.ค.62) ว่า ตนมีความประสงค์จะร้องทุกข์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้รับความสนใจและให้ความเป็นธรรม สืบเนื่องมาจากว่าเมื่อปีที่แล้ว ได้รับการประสานงานจาก นางสุพัตรา เฮงสวัสดิ์ (ผู้หญิงสวมเสื้อลายยืนอยู่ในภาพนิ่ง)เจ้าของชิณสวัสดิ์ฟาร์ม ซึ่งตั้งอยู่ ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลฯ ว่าจะมีการจัดงานประกวดโคฮินดูบราซิล แห่งประเทศไทย ขึ้นในวันที่ 22-23 ธันวาคม 2561 เพื่อให้งานดูเป็นระเบียบและ สวยงาม จึงได้โทรศัพท์ไปหา น.ส.ดารณี ขอให้นำเต็นท์ไปร่วมงานโดยการนำเต็นท์ไปกาง ให้กับผู้มาร่วมงานทำการใช้ เพื่อเอาวัวที่นำไปประกวดพักในเต็นท์ แล้วให้เก็บค่าเต็นท์เอาเอง ตลอดงานมีผู้เข้ามาขอเช่าเต็นท์เต็มทุกหลัง
ซึ่งการนำเต็นท์ไปงานดังกล่าว น.ส.ดารณี ได้นำเต็นท์ไปกางจำนวน 80 หลัง เดินระบบไฟฟ้าและตกแต่งเต็นท์ ผูกผ้าให้สวยงาม คิดราคาจากผู้มาร่วมงานให้เช่าเต็นท์หลังละ 1,000 บาท โดยจะต้องจ่ายให้กับเจ้าของเต็นท์ แต่พอไปเก็บเงินค่าเช่าเต็นท์ ก็ได้รับคำตอบจากผู้เช่าว่า นางสุพัตรา ซึ่งได้อ้างว่าเป็นเจ้าของจัดงาน ได้ขอเก็บเงินจากผู้เช่าไปก่อนแล้ว ซึ่ง น.ส.ดารณี ก็ได้ไปทวงถามกับนางสุพัตราก็ได้รับคำตอบบ่ายเบี่ยงว่าไม่ได้เป็นผู้จัดงาน เป็นเพียงเจ้าของสถานทีจัดงาน จากนั้นตนและผู้เสียหายอีกหลายคน ได้พากันไปทวงถามมาตลอดแต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากนางสุพัตรา และยังอ้างว่าเป็นญาติกับนักการเมืองท้องถิ่นในระดับประเทศ และไม่ยอมเจรจาไม่ยอมให้พบ
น.ส.ดารณีและผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการจัดงาน จึงได้นำเรื่องราวและหลักฐานต่างๆของการจัดงาน ทั้งภาพนิ่ง คลิปวีดีโอการจัดงาน การเปิดงาน และการติดต่อทวงถามไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงบัดนี้เป็นเวลาล่วงเลยมานานก็ยังไม่ได้รับความชัดเจนจากหน่วยงานใดเลย ต่างโยนเรื่องไปมา เช่นการเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคู่กรณีที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2562 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธการรับแจ้งความและลงประจำวันและบิดเบือนไม่ตรงความจริง หลังจากนั้นก็ได้ไปที่แรงงานจังหวัดอุบลฯ ก็บอกให้ไป ยุติธรรมจังหวัดอุบลฯ และบอกต่อให้ไปศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลฯ แล้วจึงไปต่อที่สำนักงานอัยการจังหวัดอุบลฯ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า และตำรวจก็ไม่ดำเนินการเรียกตัวคู่กรณีมาดำเนินคดีแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งๆที่ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว
ดังนั้น เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมาพวกตนจึงได้กลับมาที่ สภ.เมืองอุบลราชธานีอีกครั้งหนึ่ง ตามคำแนะนำของอัยการท่านหนึ่ง และได้แจ้งความดำเนินคดีไว้กับคู่กรณีในข้อหาฉ้อโกงหรือยักยอกทรัพย์ แต่จนถึงบัดนี้คดีดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย ดังนั้นจึงขอร้องผ่านสื่อมวลชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือให้ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้ เพราะหลายคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและค่าจ้างจากงานเดียวกันนั้น เริ่มแรกก็ไปร้องเรียนด้วยกัน แต่เห็นว่าเรื่องไม่คืบหน้าและไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐเท่าที่ควร จึงไม่อยากเดินเรื่องต่อเพราะเสียเวลาทำมาหากิน และเสียเงินในการเดินทาง ประกอบกับรู้ว่าเป็นญาติของนักการเมืองระดับชาติ ซึ่งทำใจแล้วว่าทำอย่างไรก็สู้ไม่ได้จึงพากันถอยไม่เดินเรื่องต่อ
ส่วนนางดารณีบอกว่า หลังจากเดินเรื่องมานานจนรู้สึกท้อแต่ไม่ยอมถอย วันนี้ไม่ได้เดินหน้า เพื่อจะเอาเงินคืน แต่จะเดินหน้าเพื่อทวงคืนเอาความยุติธรรมกลับมา และฝากบอกคนที่ได้รับ ความเสียหายด้วยกันในครั้งนี้ หรือใครเคยถูกผู้หญิงคนดังกล่าวหลอก ก็ขอให้ออกมาสู้ เดินหน้าหาความยุติธรรมด้วยกัน แต่ยังมีตำรวจระดับสารวัตรนายหนึ่งส่งไลน์มาว่า ขอร้องอย่าให้ร้องเรียน เพราะตนจะถูกกักยาม เงินเดือนไม่ขึ้น ขอให้ใจเย็นๆไว้ก่อน กำลังปรึกษานายอยู่
ภาพ/ข่าว สหรัถ หินกอง จ.ร้อยเอ็ด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง