ข่าว

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ป้าอ้อนยอดนักบุญ"เมืองคอนเปิดคลิปร้องสื่อตำรวจดองเค็ม 2 คดีปล่อย 2 คนร้ายลอยนวล-แฉจองเวรขโมยทรัพย์ต่อเนื่องจนต้องลงทุนติดกล้องวงจรปิดจับภาพ 2 คนร้าย 2 คดีชัดเจน

 (5 ต.ค.) ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ชะอ้อน อร่ามโชติ หรือที่ชาวบานรู้จักกันใน“ป้าอ้อนแม่พระหมาแมว”อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 5 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าถูกคนร้ายจองเวรเข้าลักทรัพย์ภายในบ้านต่อเนื่องหลายสิบครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนในปัจจุบันได้ตัดสินใจติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้าน 4 ตัว และล่าสุดเมื่อเดือน มิ.ย. 2562 และเดิน ส.ค. 2562 สามารถจับภาพคนร้ายที่แอบมาลักทรัพย์ได้จำนวน 2 ครั้ง โดยคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งแรกเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 60 ปี และครั้งที่ 2 คนร้ายก็เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 33 ปีซึ่งคนร้ายทั้ง 2 คนเป็นคนในหมู่บ้าน และได้นำภาพจากกล้องวีดีโอทั้ง 2 ครั้งเป็นหลักฐานเข้าแจ้งวามกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช  แต่จนถึงขณะนี้คดีไม่มีความคืบหน้าใด ๆ  คนร้ายยังลอยนวล

            หลังรับแจ้งผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านเกิดเหตุ  ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวปลูกอยู่กลางสวนมังคุดและลองกอง ริมถนนใกลวัดโพธิ์ทอง หมู่ที่ 5 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช และพบว่าบริเวณบ้านได้เลี้ยงสุนัขและแมวไว้จำนวนมาก เมื่อเห็นคนแปลกหน้าสุนัขพากันเห่ากรรโชกอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่พบ น.ส.ชะอ้อน หรือ“ป้าอ้อนแม่พระหมาแมว”ทราบว่าได้ปั่นจักรยาน 3 ล้อนำอาหารไปให้สุนัขและแมวจรจัดตามจุดต่าง ๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นภารกิจที่ป้าชะอ้อน ได้ปฏิบัติต่อเนื่องมานานนับ 10 ปี ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์แจ้ง น.ส.ชะอ้อน ว่าได้มารออยู่ที่บ้านแล้วหลังจากนั้นประมาณ 5 นาที น.ส.ชะอ้อน ได้ปั่นรถจักรยาน 3 ล้อบรรทุกอาหารสุนัขและแมวกลับมาที่บ้าน

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

น.ส. ชะอ้อน หรือ“ป้าอ้อนแม่พระหมาแมว”กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำสวนยาง สวนผลไม้ ทั้งมังคุด ลองกอง กล้วย เป็นต้น ในช่วงเทศกาลก็อาจจะขายขนมหน้าบ้าน มีรายได้มากพอสมควร แต่เนื่องจากตนไม่มีลูก ไม่มีสามี และอาศัยอยู่เพียงคนเดียว และมีสุนัขและแมวจรจัดเป็นเพื่อน ๆ ในปัจจุบันนอกจากตนจะนำสุนัขและแมวจรจัดที่มีคนนำมาทิ้งและถูกรถยนต์บาดเจ็บบ้าง เจ็บป่วยบ้างมารักษาและเลี้ยงไว้ในบ้านเกือบ  10 ตัวแล้วยังมีสุนัขและแมวที่อาศัยอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในหมู่บ้านอีกกว่า 10 ตัวที่ตนจะต้องทำอาหารไปเลี้ยงทุกวัน ซึ่งตนทำมาหลายสิบปีแล้ว และรายได้จากการทำสวนยาง สวนผลไม้ ส่วนใหญ่จะนำมาใช้จ่ายในการซื้อข้าวสาร ปลากระป๋อง และโครงไก่เพื่อเลี้ยงดูสุนัขและแมว ถือว่ามีชีวิตสุขสบายไม่เดือดร้อนหรือขัดสนใด ๆ อย่างไรก็ตามญาติ ๆ ของตนหลายคนก็มีบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงไม่ห่างกันมากนัก

            โดยในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาจะมีคนร้ายแอบเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในบ้านของตนอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้ง ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเล็ก ๆ น้อย ๆ อาทิ ผลไม้ เครื่องอุปโภค บริโภคในครัวเรือนแม้แต่น้ำมันพืช ครกและสากกะเบือ มีดทำครัว ขันน้ำ และอื่น ๆ  ซึ่งตนและคนในหมู่บ้านต่างรู้ว่าคนร้ายคือนางพวงรัตน์ (ขอสวงนนามสกุล) อายุ 61 ปี  ซึ่งมีพฤติกรรมเหมือนคนโรคจิตชอบลักเล็กขโมยน้อย นอกจากสิ่งของบ้านของตนแล้วยังขโมยสิงของในร้านขายของชำ และตามบ้านเรือนของชาวบ้านเป็นประจำ แต่ตนและผู้เสียหายรายอื่น ๆ เห็นว่าทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปมูลค่าไม่มากนัก จึงไม่มีมีใครแจ้งความหรือเอาเรื่องเอาราวกับนางพวงรัตน์ แต่ต่อมานางพวงรัตน์ ขโมยโทรศัพท์มือถือของตน 1 เครื่องพร้อมเงินสด 500 บาท  ตนจึงตัดสินใจติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน 4 ตัว จนเมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ในขณะนั้นตนปั่นจักรยานกลับมาจากให้อาหารสุนัขและแมวพบนางพวงรัตน์ เดินอยู่หน้าบ้านของตนและอ้างว่าเดินมาเดินเล่น  เมื่อตนไปตรวจสอบกล้องวงจรสามารถปิดจับภาพในขณะที่นางพวงรัตน์ เข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สินบริเวณห้องครัวของตนและเดินพบว่าสามารถจับเอาไว้ได้อย่างชัดเจนว่านางพวงรัตน์ ได้ขโมยน้ำมันพืชเดินถือออกไปจากบ้านตน 1 ขวด แต่เมื่อเห็นตนปั่นจักรยานกลับมาบ้านนางพวงรัตน์ ได้วางขวดน้ำมันพืชซ่อนไว้ที่โคนต้นไม้ เมื่อตนเข้าบ้านนางพวงรัตน์ จึงหยิบขวดน้ำมันพืชรีบเดินกลับบ้านไป ตนจึงนำภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แต่คดีไม่คืบหน้าใด ๆ เลย เมื่อตนเดินทางไปสอบถมความคืบหน้าขอคดีหลายครั้งพนักงานสอบสวนก็บ่ายเบี่ยงและรับปากว่ากำลังเร่งดำเนินการอยู่และใกล้ออกหมายจับคนร้ายได้แล้ว

            จนเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาในขณะที่ตนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงสุนัขเห่ากรรโชกผิดปกติ จึงออกมาดูก็พบ น.ส.วิภารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกันมาเดินอยู่ข้างบ้าน ตนจึงสอบถามว่ามาทำไม มีธุระอะไร น.ส.วิภารัตน์ อ้างว่ามาเที่ยวทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาบ้านตนเลย จากนั้นจึงนั่งคุยกับตนอยู่ประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะตนออกไปฉีดยาให้สุนัขจรจัด ซึ่ง น.ส.วิภารัตน์ ทำทีเดินออกมานอกบ้านของตน ซึ่งไม่ได้ปิดประตูบ้าน จนเมื่อตนกลับมาจากฉีดยาสุนัขเข้าไปในบ้านพบว่าข้าวของในบ้านถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย พัดลมล้มอยู่ และเงินสดที่ได้จากการขายผลไม้ 15,000 บาทหายไป ตนจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดจับภาพ น.ส.วิภารัตน์ ในขณะที่เดินเข้าไปในบ้านของตน ก่อนถือธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทปึกใหญ่เดินนับเงินออกมาจากบ้านของตน โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ตนได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับพนักานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชเช่นกัน แต่จนถึงปัจจุบันคดีก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เช่นกัน  เมื่อไปสอบถามพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีก็อ้างว่ากำลังเร่งดำเนินการอยู่ คดีนี้ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้วก็ยังไม่มีการจับกุม น.ส.วิภารัตน์ แต่อย่างใด จนล่าสุด น.ส.วิภารัตน์ ได้ไปทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณที่ จ.ภูเก็ต”

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

น.ส.ชะอ้อน หรือ“ป้าอ้อนแม่พระหมาแมว”กล่าวอีกว่า ตนไม่เข้าใจว่าตำรวจเขาทำงานกันอย่างไรจึงปล่อยให้เรื่องเงียบหายไม่มีการออกหมายจับหรือจับกุมคนร้าย ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานภาพจากกองวงจรปิดชัดเจนมาก ตำรวจเขารออะไรอยู่ก็ไม่รู้ ที่สำคัญนางพวงรัตน์ คนร้ายคดีแรกจะคอยพูดขาเหยาะเย้ยถากถางตนไปทั่วหมู่บ้านว่าติดตั้งกล้องวงจรปิด จับภาพได้ชัดเจนก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ขนาดตำรวจระดับสารวัตรมีหมายเรียกให้ไปพบเขาก็ไม่ยอมไปพบตำรวจก็ทำอะไรเขาไม่ได้ พร้อมประกาศท้าทายทั่วหมู่บ้านว่าคดีที่ตนไปแจ้งความหากตำรวจกล้าจับกุมเขาไปดำเนินคดีติดคุก เมื่อพ้นโทษออกมานางพวงรัตน์ จะบวชชี 3 ปี  ทั้งสองคดีตนเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากที่ถูกจองเวรลักทรัพย์ต่อเนื่อง แม้จะลงทุนติดตั้งกล้องวงจรปิดจนจับภาพคนร้ายได้ชัดเจนทั้งสองคดี แต่กลับทำอะไรคนร้ายมาได้ ถามทางตำรวจก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย โดยตนสอบถามทนายความเขาบอกว่าหลักฐานชัดเจนขนาดนี้หลังแจ้งความ 1-2 วันก็สามารถเสนอขอหมายจับกุมคนร้ายได้แล้ว แต่คดีที่ตนแจ้งความคดีแรกเกือบ 5 เดือน คดีที่ 2 กว่า 2 เดือนยังเงียบฉี่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ

            “ชาวบ้านทุกคนทราบดีว่าสามีนางพวงรัตน์ เป็นครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง น้องชายเขาก็เป็นครูเช่นกัน และมีการวิ่งเต้นล้มคดีผ่านทางผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่ง  รวมทั้งคดีที่ 2 ทราบว่าพ่อแม่ของนางวิภารัตน์ ก็วิ่งเต้นล้มคดีผ่านทางผู้นำท้องถิ่นคนเดียวกัน ตนจึงตัดสินใจร้องเรียนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และหากไม่มีการจับกุมคนร้ายทั้งสองคดีภายใน 7 วันตนจะเข้าร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ซึ่งทราบว่าทั้งสองท่านเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หากบ้านเมืองยังมีขื่อมีแป ท่านผู้ว่า และท่านผู้การ ฯคนใหม่คงจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้อย่างแน่นอน น.ส.ชะอ้อน หรือ“ป้าอ้อนแม่พระหมาแมว”กล่าวในที่สุด.

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

สาวใหญ่ โวย ร้องสื่อตำรวจไร้วี่แววคดีจะคืบ ขณะคลิปคนร้ายชัด

 

ภาพ/คลิป  ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ข่าว  ยุทธนะ  เตมะศิริ นครศรีธรรมราช

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ