อดีตนศ.เหยื่อแฟนหนุ่มหึง หวิดสิ้นลม ล่าสุดลั่นชัด ค้านประกัน

จากกรณีที่นางกอลิเย๊าะ ศรียาไพ อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 233 หมู่ 1 ต.หนองทะเล อ.เมือง กระบี่ร้องเรียนสื่อมลชนว่าลูกสาวชื่อ น.ส.วรรณา ศรียาไพ อายุ 37 ปีในปัจจุบัน ถูกนายคำรณหรือ “บังหนิด”  สมญาพิทักษ์ อายุ 39 ปี อดีตคนรักเก่าหึงหวงบุกทำร้ายด้วยการจุดไฟเผาอย่างโหดเหี้ยม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ในขณะนั้นเป็นนักศึกษา ปวส.อายุ 20 ปี ในสถานศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิดภายในหอพักแห่งหนึ่ง หลังถนนสายอ้อมค่ายวชิราวุธ หมู่  5 ต.ปากพูน  อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิดเหตุการณ์เกิดวันที่ 17 มิถุนายน 2545 เมื่อปี 2545 หรือ17 ปีที่ผ่านมา แต่คดีผ่านมานานถึง 17 ปีคนร้ายถูกจับกุมแล้วหลบหนีระหว่างประกันตัว และคดียังไม่มีความคืบคนร้ายยังหลบหนีลอยนวล   ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานางกอลิเย๊าะ กำลังเฝ้าดูแลลูกสาวพิการนอนอยู่บนเก้าอี้นอน สภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตามแขนขา ด้านขวามีรอยแผลไฟไหม้ นิ้วมือเท้าหงิกงอ พูดจาไม่ได้อย่างน่าเวทนา  จึงร้องเรียนสื่อมวลชนพร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ก่อนจะหมดอายุความในอีก 3 ปีข้างหน้า

            จนล่าสุดทางตำรวจกองปราบปรามได้นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมนายคำรณ ผู้ต้องหารายนี้มาได้ขณะหลบหนีไปไปค้าขายที่ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2562 ผ่านมาและเมื่อวานนี้(3 ต.ค.) พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช สั่งการตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ไปรับตัวนายคำรณฯมาดำเนินคดีต่อที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชแล้วนั้น

 

 

 

วันนี้(4 ต.ค.) ที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีนางกอลิเย๊าะ ศรียาไพ อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 233 หมู่ 1 ต.หนองทะเล อ.เมือง กระบี่ ซึ่งเป็นแม่ของนส.วรรณา ผู้เสียหายพร้อมญาติ ๆ 5-6 คน ได้เดินทางไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวนายคำรณ  เนื่องจากได้รับแจ้งจากตำรวจว่าวันนี้ (4 ต.ค.) ทาง พ.ต.ท.จรินทร์  จันทรมณี สว.(สอบสวน)สภ.เมืองจ.นครศรีธรรมราชได้นำตัวนายคำรณ หรือหนิด  ผู้ต้องหาส่งอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช  และทางอัยการจะส่งฟ้องนายคำรณ หรือ “บังหนิด”  ผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันเดียวกันทันที  ซึ่งทางตำรวจจะยื่นคัดค้านการประกันตัว ในขณะที่ทางญาติ ๆ เดินทางมามาร่วมยื่นคัดค้านประกันตัวนายคำรณ หรือหนิด ผู้ต้องหาเช่นกัน  ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

            นางกอลิเย๊าะ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยญาติ ๆ เดินทางมาศาลนครศรีธรรมราช เพื่อต้องการยื่นคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาเพราะหากนายคำรณหรือบังหนิด เคยได้รับการประกันตัวแต่หลบหนีระหว่างประกันนานถึง 17 ปี จนทางอัยการไม่สามารถส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนที่กำหนดได้ จนตนและญาติ ๆ ต้องออกมาร้องต่อสื่อมวลชนเพราะคดีจะหมดอายุความอีก 3 ปีข้างหน้า จนในที่สุดตำรวจกามารถตดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ หากได้รับการประกันตัวก็อาจจะหลบหนีอีกก็ได้

            “เมื่อวานนี้(3 ต.ค.)ตนได้พูดคุยกับนายคำรณ หรือบังหนิด ผู้ต้องหา หลังเจอหน้ากันที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชปรากฏว่านายคำรณ หรือหนิด ผู้ต้องหารายนี้ยังไม่สำนึกผิดและไม่ยอมรับถึงความผิดที่ได้กระทำลงไป โดยอ้างว่าวัในนเกิดเหตุไม่อยู่ในที่เกิดเหตุแต่ไปนอนบ้านแม่ ซึ่งตนไม่เชื่อคำพูดของนายคำรณ หรือหนิด เพราะมีพยานหลักฐานมัดตัวชัดเจน และตนเชื่อมั่นในความยุติธรรมของศาลว่าจะพิจารณาลงโทษในการกระทำของนายคำรณ หรือบังหนิด ได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ในช่วงที่นางกอลิเย๊าะ นำ น.ส.วรรรณา บุตรสาวซึ่งพิการไปมอช่อดอกไม้ขอบคุณตำรวจกองปราบผ่านทาง พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.ว.นครศรีธรรมราช ทาง พล.ต.ต.สนธิชัย ได้อธิบายชี้แจงกับนางกอลิเย๊าะ และญาติ ๆ ว่าคดีนี้ทางตำรวจได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนจนส่งสำนวนและผู้ต้องหาให้อัยการฟ้องศาลแล้วเมื่อ 17 ปีก่อน และได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวถือว่าตำรวจหมดอำนาจหน้าที่ในคดีนี้แล้ว  แต่เมื่อผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวและหลบหนีคดียาวนานถึง 17 ปี และศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ออกหมายจับเอาไว้ จนเมื่อนางกอลิเย๊าะ ร้องสื่อมีการนำเสนอข่าว และตนเดินทางมารับตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช จึงสั่งให้รื้อสำนวนมาตรวจสอบและตั้งทีมสืบสวนติดตามจับกุม จนกระทั้งได้รับรายงานจากกองปราบปรามว่าสามารถจับกุมนายคำรณ หรือยังหนิด ผู้ต้องหาได้แล้ว จึงไปรับตัวผู้ต้องหามาส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามขั้นตอนต่อไป โดยในวันนี้ตำรวจมีหน้าที่เพียงเท่านี้  และเชื่อว่าหากญาติของผู้ต้องหายื่นขอประกันตัวอีกครั้ง ทางตำรวจ อัยการและญาติ ๆ ผู้เสียหายจะคัดค้านการประกันตัว เชื่อว่าศาลจะไม่อนุญาตให้ประกันตัว แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

            โดย พล.ต.ต.สนธิชัย ได้เดินลงไปพบกับ น.ส.วรรณา สาวผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกายและจุดไฟเผาจนกายเป็นผู้พิการ ซึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์ และแจ้งว่าจับนายคำรณ หรือ “บังหนิด” คนร้ายได้แล้วนะครับ  ซึ่งทันทีที่ น.ส.วรรณา เห็นและได้ยิน พล.ต.ต.สนธิชัย บอกกล่าว น.ส.ววรรณา ถึงกับร้องให้อย่างหนักด้วยความดีใจและสะเทือนใจ โดย พล.ต.ต.สนธิชัย พยายามปลอบใจให้กำลังใจพร้อมมอบเงินสดจำนวนหนึ่งช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว น.ส.วรรณา.

 

 

 

 

 

ภาพ/คลิป ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ข่าว  ยุทธนะ  เตมะศิริ นครศรีธรรมราช