เตือนภัยสาวหล่อแสบ หลอกตุ๋นออนไลน์ พบหมายจับถึง 3 คดี

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา นายยลโชค ลุนพิจิตร  อายุ 35 ปี นักจัดรายการวิทยุ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้หอบหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด กับ พ.ต.ท.ศราวุฒิ โยชน์เมืองไพร พนักงานสอบสวนเวรฯ เพื่อเอาผิดกับคนที่ใช้ชื่อเฟสบุ๊คว่า "Kanykr Rongway" เพราะมีพฤติการณ์หลอกลวง ฉ้อโกง โดยทำทีว่าจะขายโน๊ตบุ๊คมือสองให้ในราคาที่ตกลงกันไว้คือ 900 บาท จากนั้นจึงมีการโอนเงินให้ในวันที่ 6 ก.ย.62 และผู้ใช้เฟสบุ๊ค "Kanykr Rongway" ได้ขอเงินค่าจัดส่งเพิ่มในวันเดียวกันอีก 100 บาท รวมเป็นเงิน 1,000 บาท

 

 

โดยโอนไปยัง ธนาคารกสิกรไทย สาขา ถนนโรจนะ อยุธยา เลขที่บัญชี 0531110919 ชื่อบัญชี น.ส.ปิ่นมณี ฉิมภักดี เมื่อโอนเงินเสร็จ ผู้ใช้เฟสบุ๊ค "Kanykr Rongway" ก็ไม่ได้ปิดเฟสหนีหายทันทีแต่อย่างใด ยังทำเป็นห่วงใยด้วยการบอกว่า "ให้ถ่ายวีดีโอตอนเปิดกล่องด้วย เพราะถ้าของพังจะได้มีหลักฐานยืนยันเพื่อส่งของคืน" พร้อมส่งใบเสร็จให้ดูและแจ้งว่า"เขาได้ส่งไปรษณีย์เป็นแบบธรรมดา ไม่ได้ลงทะเบียน ไม่สามารถเช็คได้ว่าของถึงไหน อาจจะช้าถึง 15 วัน" ซึ่งมีคลิปเสียงยืนยันด้วย ด้วยความที่เชื่อใจ คิดว่าเงินไม่เยอะ ไม่ค่อยมีเวลาว่างและรอได้ ขณะที่นายยลโชครอจนถึงวันที่ 25 ก.ย.62  ผ่านไป 20 วันก็เลยเอะใจชัดขึ้นว่า ไม่ใช่แล้วแบบนี้ จึงได้นำใบเสร็จที่ได้มา ไปตรวจสอบกับทางไปรษณีย์ สาขาเทวาภิบาล จ.ร้อยเอ็ด จึงได้ทราบว่าเป็นใบเสร็จปลอม

 

 

 

เมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก นายยลโชคก็เริ่มทวงถามความจริงเพื่อยุติเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมเพราะยังให้โอกาสเขาอยู่ แต่พอคุยได้สักพัก ผู้ใช้เฟสบุ๊ค "Kanykr Rongway" อ้างว่าเฟสของตัวเองมีปัญหา จึงได้แจ้งให้ไปคุยทางไลน์ต่อ แต่พอคุยทางไลน์ได้อีกสักพักก็ถูกบล็อกเงียบหายไป สุดท้ายติดต่อกันทางโทรศัพท์ ผู้เสียหายพยายามไกล่เกลี่ยและขอเงินคืน ยังถูกต่อว่าและท้าทายให้ไปฟ้องศาลอีก

 

 

จึงเป็นที่มาของการสืบค้นหาผู้เสียหายรายอื่นอีก เพราะคาดว่าน่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก เพียงเพราะคิดว่าเงินไม่เยอะ ไม่อยากเสียเวลาไปแจ้งความ และกลัวคำขู่ของมิจฉาชีพรายนี้ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเจอผู้เสียหายรายแรก เป็นคน จ.อุดรธานี สูญเงินไป 2,170 บาท รายที่ 2 จ.ชัยภูมิ สูญเงิน 1,000 บาท รายที่ 3 จ.เลย สูญเงิน 1,000 บาท และยังมีอีกหลายราย ซึ่งตอนนี้กำลังสืบค้นกันอยู่ และผู้เสียหายทั้งหมดได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มไลน์ชื่อว่า "ตามล่า วาสนา พุทโธ" เพื่อคุยทิศทางในการดำเนินการกับมิจฉาชีพรายนี้ต่อไป

ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมด ถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน คือ ขายโน๊ตบุ๊คตัวเดียวกัน ในเวลาไล่เลี่ยกัน ให้โอนเงินก่อน จากนั้นออกใบเสร็จปลอม ขอเงินค่าโอนเพิ่ม ให้รอรับของนานๆ แล้วโยนความผิดให้ไปรษณีย์

 

 

ส่วนบัตรประจำตัวประชาชน ที่ใช้ส่งให้ผู้เสียหายทุกรายในตอนซื้อขาย เป็นชื่อของ "น.ส.วาสนา พุทโธ" ชื่อเล่น "แอน" สาวทอมผู้แสบรายนี้ ลวงคนมานักต่อนัก เพราะจากการสืบค้นทางโลกโซเชียล โดยการพิมพ์คำว่า "วาสนา พุทโธ" ในเว็บ "Google" เท่านั้นล่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลอันตรายในอันดับแรกของเว็บทันที มีประวัติในการก่อเหตุอย่างโชคโชนมาแล้วเป็นปี ทั้งการหลอกเอาสินค้า หลอกขายโทรศัพท์มือถือ หลอกขายโน๊ตบุ๊ค มีผู้เสียหายแจ้งความไว้แล้วตั้งแต่ปี 2561 และได้มีผู้คนโพสต์ประจาน ตามล่า และเตือนภัยในเพจต่างๆมากมาย ขณะที่มิจฉาชีพรายนี้ยังลอยนวลเพราะไม่เคยถูกจับสักที

 

 

นายยลโชค ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่มาแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองร้อย เมื่อวันที่ 30 ก.ย.62 ที่ผ่านมาเพราะอยากให้มิจฉาชีพรายนี้ถูกจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพราะทุกวันนี้ยังลอยนวลก่อเหตุไม่หยุด แถมไม่มีจิตสำนึก พูดจาท้าทายผู้เสียหายให้ฟ้องศาล และข่มขู่จะฟ้องกลับอีกต่างหาก และวอนผู้เสียหายทั้งหลายที่โดนมิจฉาชีพรายนี้หลอก ไปแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

ด้าน พ.ต.ท.ศราวุฒิ โยชน์เมืองไพร พนักงานสอบสวนเวรฯ ได้ตรวจเช็คประวัติอาชญากรและผลการสืบค้นหมายจับ พบว่า นางสาววาสนา พุทโธ อายุ 24 ปี ถูก หมายจับจากศาลจังหวัด จำนวน 3 ศาล อาทิ  ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ศาลจังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2561 และหมายจับจากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ข้อหา ตัวการในข้อหาผู้ใดกระทำความผิดโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม  ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนตัวการในข้อหาฉ้อโกง "สำหรับการดำเนินการหลังแจ้งความในครั้งนี้ เบื้องต้นจะออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาสอบสวน ครั้งที่ 1 เวลา 7 วัน หากไม่มาจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 อีก 7 วัน หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนจะ ออกหมายจับ ในข้อหาฉ้อโกง และข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ สำหรับวันนี้อาจจะเป็นหมายจับ ครั้งที่ 4  ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด  ต่อไป

 

 

พ.ต.อ.พัทฐกร ศาสนสุพันธ์ ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวว่า คนที่หลอกก็พยายามสรรหาเล่ห์กลทุกอย่างหากินบนพื้นฐานความจำเป็นของคน ส่วนผู้ที่ถูกหลอกก็เป็นสินค้าจำเป็นที่ต้องใช้  ก็ฝากเตือนด้วยว่า นอกจากหลอกในลักษณะอื่นและขายสินค้าโน๊ตบุ๊คด้วย ผู้ถูกกล่าวหามีหมายจับหลายคดีมีลักษณะการหลอกลวงเหมือนกัน ก็ฝากพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังอย่า ไปหลงเชื่อ ถึงเชื่อก็อย่าโอนเงินก่อน ถ้าไม่เห็นสินค้า ไม่ได้ส่งมอบแบบยื่นหมูยื่นแมวก็อย่าไป โอนเงินก่อน ก็ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่ออาจสูญเงินไปให้กับภัยสังคมดังกล่าว

 

 

 

ภาพ/ข่าว โชติกา  ทวนชัยภูมิ จ.ร้อยเอ็ด