สสจ.สงขลา ตั้งทีมติดตามเฟซบุ๊ก หลังพบโพสต์ชายยาแก้ไอในมาเก็ตเพลส ขึ้นชั้นสินค้ายอดนิยม
พบมี 2 กลุ่มร้านขายยาผิดกฎหมาย-ร้านขายยาที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ เผยสาเหตุความต้องการของตลาดพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีสูง เยาวชนใช้ผสมน้ำกระท่อมดื่มแทนเหล้า-เบียร์
หลังจากที่มีการโพสต์ขายยาแก้ไอ ” เฟซบุ๊ก มาร์เก็ตเพลส” ในพื้นที่ จ.สงขลา โดยใช้ชื่อ “น้ำหวาน-น้ำหวานเข้มข้น”เพื่อเลี่ยงการใช้ชื่อว่ายาแก้ไอ จนกลายเป็นสินค้ายอดนิยม โดยราคาขายตั้งแต่ 40-60 บาท
นายแพทย์อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า ยอมรับว่ามี ซึ่งได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจับปรับจำนวนหลายราย ซึ่งการจับนั้นเปรียบเหมือนยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะผู้ที่ใช้วิธีการขายแบบนี้เขามีวิธีการที่จะหลบซ่อนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็มีการปิดประตู โทรศัพท์บอกร้านในเครือข่ายต่างคนต่างปิดร้าน “การทำงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะลำบาก เราก็ยอมว่าเราทำได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง เรายังไม่สามารถจะดำเนินการได้ทั้งหมดพอรู้ว่าเจ้าหน้าที่รู้ก็จะปิดเฟชบุ๊ก จะติดตามได้ยาก ยกเว้นมีการล่อซื้อ”
นายแพทย์อุทิศศักดิ์ กล่าวและว่า กลุ่มที่มีการโพสต์ขายยาแก้ไอช่องทางนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.เป็นร้านที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขายยา เขาก็ทำมาเก็ตเพลสในเฟซบุ๊ก 2.จะมีร้านขายยาบางร้านที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและอาชีพ ซึ่งหากเราจับได้จะมีการยกเลิกใบประกอบวิชาชีพเลย และดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ตอนนี้เราตั้งทีมเพื่อติดตามตรวจสอบในเฟซบุ๊ค ว่ามีการโพสต์ขายยาแก้ไอ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ทั้ง อย.และ สสจ.ร่วมกับดำเนินการ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามจากเฟซบุ๊กและวิทยุ มีการประชุมสรุปการดำเนินการทุกสองเดือน”
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวและว่า สาเหตุที่ทำให้มีการโพสต์ขายยาแก้ไอบนมาเก็ตเพลสเฟซบุ๊กเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากความต้องการของตลาด โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 จังหวัดชายภาคใต้ (สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ซึ่งเยาวชนที่เป็นมุสลิมเขาไม่ดื่มเหล้าดื่มเบียร์ แต่เขาจะใช้ส่วนผสมของยาแก้ไอผสมกับน้ำกระท่อม เรียกว่า 4คูณ100 เป็นที่นิยมมากในพื้นที่ 4-5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเขาเลี่ยงที่จะดื่มเหล้า เบียร์ ฉะนั้นการใช้ส่วนผสมยาแก้ไอกับน้ำกระท่อมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ยาเสพติด และมันก็ไม่ได้ผิดกฎหมายร้ายแรงอะไร ฉะนั้นเยาวชนเหล่านี้เขาก็ตั้งวงดื่มน้ำกระท่อมผสมยาแก้ไอ ทำให้กินแล้วมันดูแล้วในบริบทของสังคมก็ไม่ได้ถูกต่อต้านมากเหมือนกับการดื่มเหล้าดื่มเบียร์
“เมื่อตลาดต้องการ ทางร้านที่ขายก็ได้กำไรประมาณ 10-20 เท่า เขาซื้อมาในราคาต้นทุน 20-30 บาทต่อขวด เขาเอามาขายขวดละ 200 บาท ทำให้มีกำไรเยอะ มันท้าทาย บวกกับบทลงโทษทางกฎหมายก็ไม่ทำให้เขาไม่รู้สึกเข็ดหลาบ” ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้มีคนกล้านำยาแก้ไขมาขายทางเฟซบุ๊ก เป็นเรื่องของความต้องการของตลาดที่มีมากในพื้นที่นี้และที่สำคัญมันไม่ได้ถูกตีความว่าเป็นยาเสพติดที่สังคมไม่ยอมรับ ไม่เหมือนเหล้ากับเบียร์
สำหรับยาแก้ไอเป็นยาที่ควบคุม เวลาสั่งซื้อขายจะต้องมียอดว่าร้านไหนสั่งซื้อเท่าไหร่ และมีการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา แต่บางครั้งยาเข้ามาโดยผิดกฎหมาย มีการสั่งซื้อแบบผิดกฎหมาย ไม่ได้อยู่ในคำสั่งซื้อปกติ “ตอนนี้ที่จังหวัดสงขลาเราจะมีแอพพลิเคชั่น “ตาไว” โดยจะใ ช้อย.น้อยหรือคนในชุมชน ที่ชี้เบาะแสให้ข้อมูลหากพบผิดปกเรื่องของคุ้มครองผู้บริโภค เช่น ร้านนี้มีวัยรุ่นเข้าไปซื้อมากผิดปกติเป็นต้นก็จะแจ้งเรามา” เมื่อได้รับแจ้งเราก็จะใช้เจ้าหน้าที่ลงไปสืบก่อนเพื่อนำจับ เพื่อแน่ใจเราก็จะเชิญทั้งตำรวจ ทั้งทหาร เข้าไปตรวจ แต่หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการทางร้านเขาจะแอบซ่อน และบอกต่อในเครือข่ายด้วยกัน
นอกจากนี้ก็มีชั้นวางสินค้าที่ร้านทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เป็นชั้นวางพิเศษสำหรับยาแก้ไอ มีการล็อก 2 ชั้น โดยชั้นแรกจะวางยาประเภทอื่นตบตาเจ้าหน้าที่ ถ้าตรวจไม่ละเอียดก็จะไม่สามารถเจอได้ และที่ร้ายไปกว่านั้นเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทางร้านจะปิดประตูอัตโนมัติทันที เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไป ไม่เปิดให้ลูกค้าเข้าไป ส่วนลูกค้าที่เหลืออยู่ในร้านก็จะให้ออกทางหลังร้าน เราก็บุกเข้าไปไม่ได้ นี่คือปัญหาที่เราเจอ
โดย... สมชาย สามารถ ศูนย์ข่าวภาคใต้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง