ข่าว

พิพิธภัณฑ์ไทดำ'นาป่าหนาด'แหล่งรวมวัฒนธรรมลาวโซ่ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พิพิธภัณฑ์ไทดำ'นาป่าหนาด' แหล่งรวมวัฒนธรรมลาวโซ่ง : ศิวะ โลโห

           บนถนนทางหลวงชนบทที่ 3011 ระหว่างหลัก กม.ที่ 11-13 พื้นที่ ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน จ.เลย มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 900 คน 300 ครอบครัว ซึ่งประชากรทั้งหมดล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขชาวไทยดำที่อพยพหนีภัยสงครามจากดินแดนของบรรพบุรษ มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นี่แทบทั้งสิ้น หมู่บ้านแห่งนี้คือบ้านนาป่าหนาด ซึ่งคนเริ่มรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี หลังจากที่ชาวไทยดำร่วมก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ไทยดำบ้านนาป่าหนาดขึ้นในปี 2555 เพื่อเป็นแหล่งสืบสานอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยดำดั้งเดิมให้คงอยู่
  
           พิพิธภัณฑ์เป็นมาอย่างไร “เพชรตะบอง ไพศูนย์” ประธานพิพิธภัณฑ์ไทยดำบ้านนาป่าหนาด ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เขาและเพื่อนบ้านอีก 4 คน พาพี่น้องชาวบ้านนาป่าหนาดจัดทำศูนย์วัฒนธรรมไทยดำขึ้นในหมู่บ้านในปี 2539 เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมไทยดำ เมื่อสร้างเสร็จได้ให้พี่น้องชาวไทยดำช่วยกันดูแล ขณะนั้นเขาก็เกษียณอายุราชการด้วย ก็เลยอาศัยว่ามีโอกาสได้เรียนหนังสือมาเยอะกว่าคนอื่นๆ ทำให้มีโอกาสศึกษาค้นคว้าว่าตัวเขาเองเป็นใครมาจากไหน
      
           “เราไม่รู้ว่าเราเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร เราไม่รู้ว่าทำไมเราถึงไม่เหมือนชาวบ้านแถวนี้ในหลายๆ เรื่อง จึงเริ่มค้นคว้าหาตัวเองว่าเป็นใครมาจากไหน กระทั่งได้รู้ว่าเราเป็นไทยดำ เพราะมันมีอะไรที่ไม่เหมือนผู้คนที่อยู่รอบๆ เรา เช่น ภาษา ความเชื่อ ลักษณะบ้านเรือนอาหารการกินรวมถึงวัฒนธรรม” เพชรตะบอง บอก
  
           “เพชรตะบอง” เล่าต่อว่า ต่อมาได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ไทยดำบ้านนาป่าหนาดในปี 2555 โดยการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ในครั้งนั้นเริ่มต้นจากความคิดที่ว่าผู้เฒ่าผู้แก่ก็เริ่มล้มหายตายจากไปแล้วจะเหลืออะไรให้ลูกหลานได้ศึกษา ในฐานะคนที่เป็นลูกหลานก็ดูอยู่ว่าจะมีคนที่จะกล้าหาญพาทำหรือไม่ ก็ยังไม่มีวี่แวว ก็เลยตัดสินใจว่า เอ้า! ทำ! ก็เลยเป็นตัวหลักในการทำเรื่องนี้โดยมีชาวบ้านช่วยกันออกค่าใช้จ่ายจัดซื้อวัสดุ ส่วนแรงงานในการก่อสร้างมาจากชาวบ้านช่วยเหลือกัน
      
           “พิพิธภัณฑ์นี้บังเอิญว่าพ่อแม่เรามีของเก่าแก่โบราณหลายอย่าง จะเอาไปทิ้งก็เสียดาย เลยทำเป็นพิพิธภัณฑ์ เรามีที่ดินอยู่นิดนึงเราก็ทำบ้านหลังนี้เป็นเรือนเก่าที่พ่อแม่เราทิ้งไว้ให้ รวมทั้งยุ้งข้าว จากนั้นก็ทำมาเรื่อยๆ เริ่มสร้างหลังแรกในปี 2555 เราไม่มีงบประมาณอะไรมากแต่เราก็ค่อยๆ ทำมา ก็น่าคิดและแปลกอยู่เหมือนกัน เพราะวันที่เราเริ่มสร้างพิพิธภัณฑ์วันนั้นฝนตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งยุ้งข้าวใหญ่ พอตั้งเสาเสร็จฝนกระหน่ำแรงมากจนหลังคาถูกแรงลมยกลงมาอยู่ข้างล่างเฉยเลย” เพชรตะบอง เล่าให้ฟัง
  
           ประธานพิพิธภัณฑ์ไทยดำบ้านนาป่าหนาด บอกอีกว่า การสร้างพิพิธภัณฑ์ไทยดำบ้านาป่าหนาด ก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ 4 ข้อ คือ 1.เป็นแหล่งรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ที่เป็นภูมิปัญญาของไทยดำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 2.เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าประวัติ เรื่องราว และภาษาไทยดำ 3.เป็นแหล่งสร้างจิตสำนึกให้ชาวไทยดำให้เห็นคุณค่าวัฒนธรรมของตน และ 4.เป็นแหล่งสืบสานอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยดำดั้งเดิม
     
           ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประกอบไปด้วย บ้านไม้ทรงไทยดำ ที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นแบบเฉพาะไทยดำ ใช้วัสดุง่ายๆ หลังคาและปีกนก หัวท้ายบ้านลากยาวมาเสมอกัน หลังคาบ้านโค้งเป็นกระโจม ยอดจั่วบนหลังคาบ้านประดับด้วยไม้แกะสลักเป็นกิ่งคล้ายเขาควาย หรือเขากวางไขว้กัน เรียกว่า “ขอกุด” ซึ่งแบ่งตามฐานะและตระกูล เช่น ขอกุดจิม ขอกุดบัว ขอกุดหม้าย เป็นต้น ส่วนใต้ถุนบ้านจะสูงโล่งกว้าง ใช้เก็บสิ่งของเครื่องใช้ บันไดบ้านจะทอดขึ้นลงสองทาง คือด้านกว้านสำหรับผู้ชายกับด้านชานสำหรับผู้หญิง ภายในตัวบ้านเปิดโล่งและจะมีการจัดแบ่งเป็นส่วนบรรพบุรุษ พ่อแม่ ลูกชาย ลูกสาว
      
           “นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่นี่จะมีความสุข เราจะเปิดเพลงลำแคนต้อนรับ เขาก็จะฟ้อนตั้งแต่ลงมาจากรถ แล้วก็รำวงไทยดำ แซไทยดำ ถ้านักท่องเที่ยวมาที่นี่อยากดูการแสดงเขาก็จะแจ้งเรามาก่อน เราก็จะเตรียมการแสดงไว้ บางคนอยากขึ้นไปดูบนบ้านก็ขึ้นไปได้ ผู้ชายขึ้นฝั่งกว้าน ผู้หญิงขึ้นฝั่งชาน เพราะผู้ชายกับผู้หญิงจะไม่ใช้บันไดร่วมกัน เพราะผู้ชายขึ้นมันมีห้องผีเรือนอยู่ตรงนั้น ผู้หญิงจะลุกล้ำไม่ได้ถือว่าเป็นการล่วงเกินและไม่สมควร ตามจริงแล้วผู้ที่จะขึ้นไปบนบ้านได้จะเฉพาะเจ้าบ้านหรือสมาชิกในเรือนเท่านั้น แต่เมื่อเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องบอกกล่าวว่าผีบ้านผีเรือนว่ามีพี่น้องมาเยือนนะ ไม่ได้มาเหยียบย่ำอะไร เราก็ขออนุญาตก่อน”
      
           นอกจากนี้ยังมีการละเล่นโยนมังกรลอดห่วง  เป็นการเสี่ยงทายของหนุ่มสาวที่โยนเข้าไปว่าจะมีคู่ไหม ถ้าคนมีคู่แล้วก็อธิษฐานอย่างอื่น ด้านล่างยังมีกลุ่มทอผ้าฝ้ายให้ศึกษา มีร้านจำหน่ายเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของไทยดำอีกด้วย
    
           “วันเวลาที่ผ่านมาชาวไทยดำได้อพยพแตกกระจัดกระจายออกจากบ้านในสิบสองจุไทยไปอยู่ทั่วโลก ไม่รู้ว่าชาวไทยดำอยู่กินอย่างไร มีความอยากลำบากหรืออยู่อย่างสุขสบาย อนาคตชาวไทยดำจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ ไทยดำจะรักษาวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ได้นานเพียงใด ไม่มีใครรู้ แต่สำหรับชาวไทยดำบ้านนาป่าหนาด ขณะนี้มีบ้านเรือนที่มั่นคง มีที่ดินทำนา ทำไร่ หาเลี้ยงชีพตามอัตภาพ เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ ได้เข้าโรงเรียน มีสิทธิ์เท่าเทียมในเมืองไทยทุกประการ” เพชรตะบอง กล่าว
                                                    
                   

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ