ข่าว

ติด"ยาดม"อันตรายไหม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ติด"ยาดม"อันตรายไหม.. สมุนไพรหลายอย่าง มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ถ้าสูดดมบ่อย ๆ จนถึงกับติดเป็นนิสัยจะเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ มาเช็กให้ชัวร์กันก่อนดีกว่านะ

 

ยาดม ก็คือยาสมุนไพรอีกชนิดที่อยู่ในรูปแบบแท่งหรือเป็นตลับ แตกต่างกันไปตามยี่ห้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมีติดตัวเอาไว้เผื่อเวลาวิงเวียนศีรษะหรือคลื่นไส้

 

แต่บางคน ไม่ใช่แค่พกเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่"ยาดม"แทบจะอยู่ติดมือตลอดเวลา เผลอเมื่อไรต้องหยิบขึ้นมาดมอยู่ตลอดจนกลายเป็นคน"ติดยาดม"ไปเลย แต่เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าว่า"ยาดม"ที่คุณ ๆ ดมกันอยู่นั้น ถ้าติดแล้วจะอันตรายหรือไม่แล้วการ"ติดยาดม"เหมือนกับการติดยาเสพติดหรือเปล่า

 

ในปัจจุบัน"ยาดม" ซึ่งใช้บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก หน้ามืดตาลาย วิงเวียนศีรษะ กำลังเป็นที่นิยมในท้องตลาด โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุอานามเลยวัยกลางคนขึ้นไป


อย่างไรก็ตาม"ยาดม"สมัยใหม่มีการปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยเป็นที่เตะตาของกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น จึงได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย ขนาดกะทัดรัดเหมาะมือ

 

ผลิตภัณฑ์รูปแบบนี้สร้างสรรค์เพื่อคนยุคใหม่ วัยทำงาน เนื่องจากคนยุคใหม่มักมีกิจกรรมและการผ่อนคลายหลังการทำงานในเวลาที่ค่อนข้างจำกัด จึงมักผ่อนคลายด้วยกลิ่นบำบัด (Aromatic) "ยาดม"จึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่นำเสนอ

 

นอกจากนี้ผู้ที่ต้องการอดบุหรี่ก็นิยมที่จะหันมาใช้"ยาดม"ทดแทนการสูบบุหรี่ ทำให้เกิดคำถามว่า ยาดมมีอันตรายหรือไม่

 

ผลิตภัณฑ์"ยาดม" ส่วนใหญ่ประกอบด้วย เมนทอล การบูร พิมเสน น้ำมันหอมระเหยและอื่นๆ เช่นน้ำมันสะระแหน่ น้ำมันเขียว น้ำมันกานพลู หรือน้ำมันยูคาลิปตัสและยังมีน้ำมันระเหยยากช่วยในการละลาย เช่น น้ำมันงา น้ำมันแร่ หรืออาจมีสารสกัดจากสมุนไพรบ้าง

 

องค์ประกอบหลักของเมนทอลหรือเรียกว่าเกล็ดสะระแหน่ การบูรและพิมเสน รวมถึงน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้จะทำให้เกิดความรู้สึกเย็น ซ่า ในโพรงจมูก รู้สึกสดชื่น ตื่นตัวได้บ้าง แต่การสูดดมสารเหล่านี้บ่อยๆ อาจทำให้เยื่อเมือกบุทางเดินจมูก ที่สัมผัสกับกลิ่นที่เข้มข้น เกิดการระคายเคืองได้

 

 1.เมนทอลหรือเกล็ดสะระแหน่ มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีกลิ่นหอมเย็น มีอยู่ในนํ้ามันหอมระเหยที่ได้จากใบมิ้นต์ หรือที่เรียกว่าใบสะระแหน่ฝรั่ง มีประโยชน์ในการขับลม มักใช้แต่งกลิ่นและรสยา

 

เช่น ยาเคลือบกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่อย่างอ่อน ๆ ลดการบวมของหลอดเลือดที่จมูกและลดอาการปวด สารนี้เมื่อสัมผัสกับผิวหนังทำให้รู้สึกเย็น แต่ในความเข้มข้นสูงและใช้ติดต่อกัน สารนี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ เมื่อสูดดมและอาจทำให้เกิดปอดอักเสบ

 

 2.การบูร มีลักษณะเป็นเกล็ดมันวาว สีขาว มีกลิ่นหอมเย็นฉุน เดิมสกัดจากต้นการบูร แต่ปัจจุบันเป็นสารสังเคราะห์ เนื่องจากทำได้ง่าย ราคาถูกกว่าสกัดจากพืช การบูรถูกดูดซึมทางผิวหนังได้ดีและรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัสกับผิวหนังเช่นเดียวกับเมนทอล มีฤทธิ์เป็นยาชาและต้านจุลินทรีย์อย่างอ่อน ๆ ใช้ทาเฉพาะที่แก้เคล็ดบวม ขัดยอก แพลง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย และโรคผิวหนัง

 

นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางอาจเกิดอันตรายจากการสูดดม เนื่องจากระคายเคืองทางเดินหายใจ

 

เคยมีรายงานการชักในเด็กทารกเมื่อกินโดยบังเอิญมีการนำการบูรมาใส่ในรถยนต์เพื่อปรับอากาศ ทำให้หอมสดชื่น พบว่าการบูรเป็นสารระเหิดได้ เมื่อใส่ในรถยนต์ที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา การบูรจะระเหิดไปเกาะที่ช่องแอร์ และหากจอดรถยนต์ทิ้งไว้ในที่อากาศร้อน อัตราการระเหิดก็จะเร็วยิ่งขึ้น ทำให้รู้สึกว่าการบูรลดจำนวนลง

 

หากมีการใส่การบูรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ได้เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ให้ระเหิดออกมาด้านนอก ความเข้มข้นของกลิ่นการบูรเพิ่มขึ้น และทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะปอดและตับได้

 

 3.พิมเสน มีลักษณะเป็นเกล็ดเล็ก ๆ แบน ๆ สีขาวขุ่นหรือแดงเรื่อ ๆ กลิ่นหอมเย็น พิมเสนบริสุทธิ์รูปร่างเป็นหกเหลี่ยม ได้จากการนำการบูรมาหุงกับยาอื่นๆ

 

แต่ปัจจุบันได้จากสารสังเคราะห์ซึ่งจะมีรสเผ็ดกัดลิ้นถ้าเป็นของแท้จากธรรมชาติจะไม่กัดลิ้นแต่จะทำให้เย็นปากคอ ประโยชน์ทางยาใช้สูดดมแก้ลมวิงเวียน ทาภายนอกแก้เคล็ดขัดยอก แต่อาจเป็นอันตรายหากสูดดม เนื่องจากสารนี้ทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ นอกจากนี้สารนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นและสงบระบบประสาทส่วนกลาง

 

"ยาดม"ที่ประกอบด้วยสารหลัก 3 ตัวนี้ เมื่อสูดดมจะทำให้โล่งจมูกและทำให้เกิดความรู้สึกเย็น ซ่า สดชื่น ตื่นตัว มีประโยชน์ในขณะที่เป็นลมวิงเวียน หรือคัดจมูก

 

"ยาดม"ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี

 

แต่การใช้"ยาดม"ที่ถูกต้อง ควรสูดดมใกล้ ๆ แต่ไม่สัมผัสโดยตรง ไม่ควรให้หลอดยาเข้าไปค้างไว้ในจมูก เพราะสารทุกตัวอาจทำให้ระคายเคืองเมื่อสัมผัส ควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดยาดมที่สัมผัสจมูกผู้อื่นแล้ว เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้ "ยาดม"มีฤทธิ์เพียงลดอาการเพียงชั่วคราว ถ้าเป็นมากควรไปพบแพทย์

 

"ยาดม"ที่เป็นลักษณะยาน้ำหรือยาขี้ผึ้ง ให้ป้ายสำลีหรือผ้าเช็ดหน้าหรือทาบาง ๆ ที่หน้าอก แล้วสูดไอระเหย หรืออาจทาด้านนอกของจมูกแต่ต้องใช้ยาปริมาณน้อย ๆ

 

และหากมีโรคของโพรงจมูกอยู่ เช่น โพรงจมูกอักเสบจากการแพ้ ติดเชื้อในโพรงจมูกหรือไซนัสอักเสบควรหลีกเลี่ยงการใช้ เนื่องจากอาการแพ้ซึ่งอาจมีเยื่อบุโพรงจมูกเสียหายอยู่แล้ว หากสูด"ยาดม"ที่มีเข้มข้นมาก ๆ อาจระคายเคืองมากขึ้น ยาสูดดมนี้อาจเกิดอันตรายกับเด็ก ดังนั้นควรเก็บรักษาไว้ให้ห่างมือเด็ก

 

สำหรับยาหม่องน้ำซึ่งมีข้อบ่งใช้คือทาแก้อาการปวดเมื่อย มีตัวยาหลักคือ เมทิลซาลิซัยเลต นอกเหนือจาก เมนทอล การบูร พิมเสน ไม่ควรนำมาใช้สูดดมเพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ

 

"ยาดม" อันตรายไหมถ้าใช้จนติดจะอันตรายหรือเปล่า

แม้ว่า"ยาดม"จะช่วยให้รู้สึกโล่งจมูก ทำให้สดชื่นและตื่นตัวหรือรักษาอาการวิงเวียนศีรษะหรือคัดจมูกได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์เสมอไปเพราะหากใช้มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการเสพติดได้ เนื่องจากสารเคมีที่ใช้ผลิตบางชนิด เช่น เมนทอล และการบูร ซึ่งเป็นสารมีผลต่อระบบประสาทจึงอาจทำให้เกิดการเสพติดได้

 

อีกทั้งยังอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจและหากอาการรุนแรงก็ถึงขั้นปอดอักเสบได้เลยทีเดียว

 

นอกจากนี้หาก"ยาดม"ที่ใช้มีการบูรและพิมเสนผสมอยู่ด้วย การใช้ติดต่อกันนาน ๆ หรือมีอาการติด"ยาดม" ก็จะส่งผลกระทบต่อตับได้อีกด้วย

 

ข้อควรระวังในการใช้"ยาดม"

เพราะ"ยาดม"มีสารเคมีที่ความเข้มข้นสูง จึงอาจจะทำให้เป็นอันตรายกับเด็กได้ ดังนั้นจึงควรเก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็กและไม่ควรนำมาใช้กับเด็กทารกเพราะอาจจะทำให้เด็กหายใจไม่ออก

 

และถ้าหากเป็นผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับโพรงจมูก เช่น โรคไซนัส หรืออาการติดเชื้อในโพรงจมูก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ เพราะอาจจะทำให้ยิ่งเกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อในโพรงจมูกมากขึ้น

 

จะเห็นได้ว่า "ยาดม"เป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีประโยชน์ หากรู้จักใช้อย่างถูกวิธี ระมัดระวัง และไม่สูดดมต่อกันเป็นเวลานาน เมื่อมีอาการผิดปกติควรเลิกใช้ทันทีและรีบปรึกษาแพทย์ การมีไว้สำหรับคนที่จำเป็นใช้ ก็เป็นการป้องกันโรคบางอย่างได้ ทำให้สุขภาพดี โดยไม่ต้องพึ่งยา

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ