นาโอมิ โอซากะ "มันโอเค ที่คนเราจะรู้สึกไม่โอเค"

"มันโอเคนะ ที่คนเราจะรู้สึกไม่โอเค" 
"it’s ok, not to be ok"

หลายวันก่อนได้ไปเจอบทความหนึ่งจากนิตยสาร TIME น่าสนใจมาก มันเป็นบทสัมภาษณ์ของนาโอมิ โอซากะ (Naomi Osaka) นักเทนนิสวัยรุ่นชื่อดัง เธอได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร TIME เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพจิตของเธอจนเป็นที่มาของคำพูดข้างต้น  "it’s ok, not to be ok"

จากเหตุการณ์ที่นาโอมิ (Naomi Osaka) ได้ถอนตัวจากงานแถลงข่าวที่โรลังด์ การ์รอส (Roland Garros) ประเทศฝรั่งเศส เธอโดนถามเข้ามาเยอะมากว่าเหตุผลการถอนตัวของเธอคืออะไร? คำถามนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่เข้าใจว่าทำไมการถอนตัวเพื่อวันพักผ่อนของเธอต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอจึงออกมาให้สัมภาษณ์กับนิตยาสาร TIME ว่า 

“ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเธอไม่ชอบให้สัมภาษณ์ หรือ ไม่ชอบวงการสื่อสารมวลชน 
จริง ๆ เธอกับวงการสื่อเนี่ย มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำงานด้วยกันตลอดแต่การที่เธอต้องออกมาพูดครั้งนี้
เพราะเธอคิดว่าเธอถูกจี้และถามเรื่อง วันหยุดพักผ่อน เพื่อเยียวยาร่างกายและจิตใจ ของเธอมากเกินไปจากสื่อหลายสำนัก”

เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่จะมีวันที่อารมณ์อ่อนไหวและไม่ต้องการที่จะอธิบายที่มาของความอ่อนไหวให้คนอื่นต้องรับรู้ เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกคาดหวังและกดดันมากจากวงการสื่อ เหมือนบังคับให้เธอต้องออกมาตอบคำถามข้อนี้ เธอเลยตั้งคำถามกลับไปว่า

ทำไมถึงต้องเป็นเธอ?

ในเมื่อถ้าตัวละครในเรื่องนี้เป็นพนักงานคนหนึ่งของบริษัทที่นาน ๆ จะลาหยุดสักที ก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลกอะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอขอไม่ออกงานสัมภาษณ์ในรอบ 7 ปี ที่เธอทำงานในวงการเทนนิสมา เธอจึงไม่เข้าใจว่า ทำไมพอเป็นเธอแล้ว เรื่องมันต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้  

แต่หลังจากที่เธอได้มีการคุยกับเพื่อน ๆ และคนอื่นในทุก ๆ แง่มุม เธอเลยเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนต่างมีความรู้สึกและมีความอ่อนไหวกันทั้งนั้นแต่อาจจะเป็นในมุมที่ต่างกัน และจุดสำคัญคือ พอเธอไปปรึกษาเรื่องความรู้สึกนี้กับ ไมเคิล เฟ็ลปส์ (Michael Phelps) เพื่อนนักว่ายน้ำชื่อดัง เธอจึงตัดสินใจออกมาแชร์ประสบการณ์ถึงสิ่งที่เธอต้องเจอให้สังคมวงกว้างได้รับรู้ อย่างน้อยการที่เธอทำแบบนี้ก็อาจจะได้ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญกับอารมณ์ความรู้สึกเดียวกันกับเธอ และนั่นทำให้เธอคิดว่า "น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายไม่น้อย" นาโอมิจึงออกมาเรียกร้องต่อสังคม ให้มีสักวันได้ไหมที่จะหยุดสัมภาษณ์บุคคลสาธารณะโดยที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะถูกถามในทุก ๆ เรื่องตอนไหน  การที่กำหนดให้มีวันหยุดสัมภาษณ์นี้ก็เพื่อแสดงให้สังคมได้รับรู้ถึงความสำคัญของ “สุขภาพจิต” ว่าแต่ละคนมีความเปราะบางที่ไม่เหมือนกัน และมันไม่เป็นไรเลยถ้าหากเราต้องการวันพักผ่อนจิตใจที่เหนื่อยล้า เพราะจริง ๆ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่คนเราจะรู้สึกไม่โอเคกับบางเรื่อง it’s ok, not to be ok

เธอทิ้งท้ายไว้ว่า ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้เธอได้ผ่านบทเรียนนี้ไปได้ โดยเฉพาะครอบครัว และ เพื่อน ๆ เพราะมันทำให้เธอได้เข้าใจชีวิตในอีกมุมหนึ่งว่า ชีวิตคือการเรียนรู้... ชีวิตคือการเดินทางที่ไม่มีสิ้นสุด...

เครดิตภาพ :
instagram @naomiosaka
twitter        @naomiosaka