สาละวิน วอนรัฐบาลผ่อนปรนแล่นเรือขนส่งสินค้า เผยเดือดร้อนหนักไร้เส้นทางคมนาคม หวั่นชาวบ้านอดอาหาร-ขาดยารักษาโรค
สาละวิน วันนี้ถูกปิดเงียบถนนไร้รถวิ่ง แม่น้ำไร้เรือแล่น ด้วยคำสั่ง พรก.ฉุกเฉิน จนปานนี้ยังไร้วี่แววเปิดผ่อนปรน แม้กระทั่งการสัญจรทางเรือ ที่เป็นวิถีชีวิตของคนชายขอบ ขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภคที่ต้องอาศัยเรือในการสัญจร ชาวบ้านริมสองฝั่งน้ำเดือดร้อนกันทั่วหน้า
วันนี้ 25 พ.ค.2563 นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ชาวบ้านได้มาประชุมหารือ ร่วมกับหน่วยงาน ผู้นำชุมชนและกลุ่มอาชีพต่างๆในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ และได้เสนอความเดือดร้อนเหตุผลความจำเป็น มีการหารือกันทั้งผู้นำชุมชนและกลุ่มต่างๆในพื้นที่ ที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เนื่องจากคำสั่งตาม พรก.ฉุกเฉิน เป็นอำนาจของส่วนกลางหรือรัฐบาล ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสั่ง จึงไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในการผ่อนปรนอนุญาตได้ตามที่ ชาวบ้านร้องขอ จึงร่วมกันประชุมบริเวณศาลาเอนกประสงค์ หมู่บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
การประชุมของชาวบ้านครั้งนี้ ประกอบด้วยผู้นำชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการเดินเรือ กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า และกลุ่มอาชีพต่างๆ ในชุมชนริมฝั่งสาละวิน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะเรื่องการให้ปิดจุดผ่อนปรนแม่สามแลบและได้มีคำสั่งให้หยุดการเดินเรือในแม่น้ำสาละวิน ทำให้กระทบต่อวิถีชีวิต ที่ต้องอาศัยเรือในการสัญจรและการขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภค ต่างต้องหยุดเดินเรือโดยปริยายเกือบ 3เดือน จนถึงทุกวันนี้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีความจำเป็นในการสัญจรทางเรือ การขนส่งทางเรือ การค้าขาย อาชีพประมง รวมถึงกลุ่มอาชีพต่างๆได้รับผลกระทบในวงกว้างเพราะประชาชนหลายพื้นที่ไม่สามารถสัญจรทางรถหรือทางบกได้ และต้องอาศัยเรือในการทำมาหากินเพื่อดำรงชีพ จึงทำให้หลายพื้นที่ชุมชนต่างๆตามริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน ได้รับผลกระทบ และได้รับความเดือดร้อนมาก ยิ่งเข้าหน้าฝนชาวบ้านหลายหมู่บ้านไม่สามารถใช้สัญจรทางรถยนต์ได้จำเป็นที่จะต้องใช้ทางเรือเท่านั้น
นายสุภาพ นุชนงคราญ (ผู้ใหญ่บ้านแม่สามแลบ) ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย กล่าวว่า พวกเรามีความตระหนักดีเกี่ยวกับเรื่องมาตรการป้องกันเรื่องไวรัสโควิด-19 และพวกเราก็ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางหน่วยงานได้ดำเนินการเป็นอย่างดีและให้ความร่วมมือมาตลอดที่ผ่านมา และปัจจุบันในพื้นที่ก็ถือว่าไม่มีคนติดเชื้อหรือระบาดแต่อย่างใด และไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงและเราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือตามมาตรการต่อไป แต่เนื่องจากว่าขณะนี้น่าจะมีการผ่อนคลายและผ่อนปรนบางเรื่องที่มีความจำเป็นต่อชีวิตและการดำรงชีพของประชาชนในพื้นที่ และสิ่งที่ประชาชนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะคำสั่งห้ามเดินเรือหรือหยุดวิ่งเรือในลำน้ำสาละวิน โดยอ้างคำสั่งตาม พรก. ฉุกเฉิน น่าจะมีการผ่อนปรนเป็นรายพื้นที่หรือรายกรณี เพราะถ้าเหมารวมแบบนี้ ส่งผลกระทบต่อประชาชน และชาวบ้านในพื้นที่ในวงกว้าง ทั้งเรื่องการขาดแคลนอาหารการกิน สิ่งของจำเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคในการดำรงชีพประจำวัน เรื่องสาธารณะสุขในยามเจ็บไข้ได้ป่วยฉุกเฉิน
นายแสง ชาวบ้านรายหนึ่ง (ตัวแทนกลุ่มเรือ) ที่มีอาชีพขับเรือในแม่น้ำสาละวิน บ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย กล่าวว่าผลจากการปิดจุดผ่อนปรน ท่าเรือบ้านแม่สามแลบ ทำให้ต้องหยุดการเดินเรือในแม่น้ำสาละวิน ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าไปยังหมู่บ้านสบเมย หมู่บ้านปู่ทา และอีกหลายหมู่บ้านที่อยู่ติดกับแม่น้ำสาละวิน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันมานานนับจะเข้าเดือนที่ 3 แล้ว โดยชาวบ้านซึ่งเคยขับเรือ ค้าขาย และรับจ้างต่างๆ เวลานี้ไม่มีงานทำและสูญเสียรายได้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูแล้งทำให้หาอาหารจากแหล่งธรรมชาติได้ยากขึ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเรือกสวนไร่นาที่ทำกิน ตอนนี้ร้านค้าต่างๆ ก็ปิดเงียบหมด ข้าวที่มีก็น้อยลงทุกที ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไรหากเป็นแบบนี้ไป อีกสองอาทิตย์ข้าวหมดจะเอาอะไรกินก็ยังไม่รู้
ทั้งนี้ นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำสาละวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามชุมชนริมแม่น้ำสาละวิน กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมาตรการปิดด่านและห้ามเรือวิ่งในแม่น้ำสาละวิน ตามคำสั่งของรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 โดยแม่น้ำสาละวิน เป็นเส้นทางคมนาคมหลักสายเดียวที่ชาวบ้านใช้เชื่อมต่อกัน เนื่องจากทางรถยนต์ที่เดินทางไปถึงทุกหมู่บ้านไม่มี รวมถึงการข้ามฝั่งไปยังรัฐกะเหรี่ยง เพื่อไปมาหาสู่กันเนื่องจากพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองฟากต่างเป็นญาติพี่น้องกัน เมื่อปิดตายทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไปหมด โดยที่ผ่านมาทางองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)แม่สามแลบ ได้มีข้อเสนอให้ผ่อนปรนบ้าง เพราะชาวบ้านต้องการข้าวสาร ที่สำคัญคือเมื่อเกิดการเจ็บป่วยในกรณีฉุกเฉินที่ต้องไปโรงพยาบาล หากไม่มีเส้นทางเรือทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเดินทางได้ จากเหตุผลดังกล่าวฯชาวบ้านจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง อยากให้มีการผ่อนปรนและผ่อนคลายให้มีการเดินเรือได้ตามปกติโดยมีมาตรการคัดกรองป้องกัน ทุกๆฝ่ายร่วมกัน และให้มีแนวทางร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งตาม พรก.ฉุกเฉิน เพราะหากไม่มีการผ่อนปรนหรือผ่อนคลาย หรือแก้ไข ก็จะยิ่งสร้างปัญหาและเป็นการซ้ำเติมประชาชนตามชายแดนอย่างหนัก และอาจสร้างปัญหาบานปลายจนนำไปสู่ความรุนแรงที่ไม่อาจแก้ไขได้ในอนาคตต่อไป
ชนานันท์ เง่าสุวรรณ์ ผู้ข่าวภูมิภาค จ.แม่ฮ่องสอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง