เช็กชื่อเศรษฐีไอทีโลกรวมน้ำใจต้านโควิด-19

 

          แม้จะสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2563 ไปแล้ว แต่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในภาพรวมทั่วโลกก็ยังไม่ได้สิ้นสุดลง วิกฤติการณ์ครั้งนี้ได้กระตุ้นให้คนในแทบทุกภาคส่วนระดมกำลัง “รวมน้ำใจ” ต้านโควิดกันอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ทั่วโลก

 

 

          ทางฝั่งแวดวงเทคโนโลยีก็เช่นกัน นอกเหนือจากสารพัดความล้ำหน้าและนวัตกรรมที่ถูกนำมาเป็น “อาวุธ” สู้รบกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้แล้ว มหาเศรษฐีระดับโลกหลายคนที่ร่ำรวยขึ้นจากมันสมองและสองมือ จนพัฒนาเทคโนโลยีออกมาขายให้กับคนทั้งโลก ก็ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในฐานะ “ผู้บริจาค” รายใหญ่เพื่อช่วยให้มนุษยชาติรอดพ้นจากการทำลายล้างของโควิด-19 ให้สำเร็จให้ได้

          เว็บไซต์ www.vox.com ได้นำเสนอบทความเรื่อง “Bill Gates and the 10 other tech titans with the power to shape how the US fights the coronavirus” รวบรวมรายชื่อมหาเศรษฐีใจบุญแห่งวงการเทคโนโลยีไอทีและดิจิทัล ที่ร่วมออกมาบริจาคเงินในสถานการณ์นี้ เมื่ออ่านดูแล้วก็พบหลายชื่อที่คุ้นหูคนไทย ยกตัวอย่างเช่น บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ เจ้าตลาดซอฟต์แวร์อันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นคนดังรายแรกๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่สถานการณ์เริ่มขยายความรุนแรง พร้อมประกาศบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เรียกได้ว่าเป็นทุนประเดิมเพื่อช่วยสนับสนุนการวิจัยยาต้านไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 เพราะที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ การส่งเสียงของเขาและเหล่าคนดัง เรียกร้องความเคลื่อนไหวจากทำเนียบขาวให้ก้าวเข้ามาเห็นความสำคัญของความร้ายแรงของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

 

 

          และก็ดูเหมือนเป็นแนวทางที่ได้ผล เพราะจากนั้นก็มีข่าวมหาเศรษฐีหนุ่มผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ก็ได้ร่วมบริจาค 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในนาม The Chan-Zuckerberg Initiative หน่วยงานการกุศลที่เขาและภรรยาจัดตั้งขึ้น ให้กับมูลนิธิมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์  เพื่อร่วมสนับสนุนการวิจัยยาต้านไวรัสตัวนี้

 

 

 

          นอกจากนี้ ยังได้รับเงินบริจาคสมทบอีก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับโครงการพัฒนายาต้านไวรัสนี้ จากมหาเศรษฐีอันดับ 18 ของโลก ไมเคิล เดลล์ เจ้าของบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยี่ห้อ เดลล์ (Dell) ซึ่งประกาศสนับสนุนเงินบริจาคยอดรวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของผู้ทำงานด้านสาธารณสุขในการต่อสู่กับวิกฤติการณ์ครั้งนี้

 

 

          ตามมาด้วย เจฟฟ์ เบซอส  ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Amazon  และติดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2563 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ (Forebes)  บริจาค 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับ Feeding America  ซึ่งดูแลเครือข่ายธนาคารอาหาร 200 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา

 

 

          อีกรายที่ทุ่มบริจาคหนักมาก คือ แจ็ค ดอร์ซีย์  ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ “ทวิตเตอร์” สื่อโซเชียลที่มีตัวเลขผู้ใช้งานทั่วโลกราว 330 ล้านคนต่อเดือน ประกาศมอบเงินช่วยเหลือในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านกองทุนการกุศลของเขา เพื่อช่วยเหลือทุกประเทศทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการระบาด โดยบริจาคเป็นหุ้นใน “สแควร์” ซึ่งเป็นบริษัทชำระเงินดิจิทัล ที่เขาถือหุ้นอยู่ โดยให้เหตุผลว่า สาเหตุที่นำหุ้นของสแควร์มาบริจาค เพราะเขามีหุ้นในสแควร์มากกว่าทวิตเตอร์นั่นเอง ความใจบุญดังกล่าวหนุนให้ ณ วันนี้เขากลายเป็น “ผู้บริจาครายบุคคล” รายใหญ่สุดของโลกในการต่อสู้กับโควิด-19 ขณะที่ มีรายงานว่า การบริจาคครั้งนี้จะทำให้ความมั่งคั่งของเขาลดลงไปทันที 28% จากทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ  3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

          ทางด้าน สตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอ บริษัท ไมโครซอฟท์ และถือว่าเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารยุคบุกเบิกของยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์โลกค่ายนี้ ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมด้วยช่วยกันต่อสู้กับโควิด-19 โดยบริจาคเงินจำนวน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบใน 3 เมืองหลักๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับตัวเขาและครอบครัว ได้แก่ ซีแอตเติล (เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ไมโครซอฟท์ด้วย) ลอสแองเจลิส และดีทรอยต์ 

 

 

 

          ขณะที่ คอนนี่ บัลเมอร์ ภรรยาของเขาได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “เงินบริจาคเพื่อสาธารณะกุศลเหล่านี้ คงแทนที่ไม่ได้กับเงินกองทุนของรัฐ แต่ท่ามกลางวิกฤติก็ช่วยตอบสนองความจำเป็นในภาวะเร่งด่วนได้ระหว่างรอเงินจากรัฐ” พร้อมกันนี้ โดยส่วนตัวชองครอบครัว ก็มองไปถึงการเข้าไปสนับสนุนเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเด็กและครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ

          อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวบริจาคอย่างคักคักและร่วมมือร่วมใจของเหล่ามหาเศรษฐีไอทีโลก เพื่อร่วมช่วยเหลือให้ทุกคนและทุกภาคส่วนฝ่าฟันรอดพ้นมหันตภัยไวรัสร้ายในรอบนี้ไปด้วยกัน ก็ได้มีการถามหาถึงคู่หูผู้ก่อตั้งกูเกิล แลรี่ เพจ และเซอร์เกย์ บริน เจ้าของอาณาจักรธุรกิจที่มูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีข่าวคราวความเคลื่อนไหว หรือข้อมูลใดๆ ว่ามูลนิธิเพื่อการกุศล ที่แต่ละคนได้ตั้งขึ้นมาไว้นั้น ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลืออะไรและอย่างไรบ้างในสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ของมนุษยชาติ และเนื่องจากมูลนิธิของทั้งคู่ไม่มีเว็บไซต์สาธารณะใดๆ ดังนั้น จึงยังไม่มีสื่อรายใดสามารถเข้าถึงข้อมูลเรื่องนี้ได้