Lifestyle

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หนองจอก-ตลาดเก่าหัวตะเข้ ความชิคๆเก๋ๆ ในฝั่งตะวันออกของพระนคร

         บางครั้งเราก็มัวแต่ไขว่คว้าเสาะแสวงหาความงดงามที่อยู่ไกลตัวจนหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วยังมีพื้นที่ใกล้ๆ แค่ปลายจมูกเรานี่แหละที่ซุกซ่อนความงดงามไม่แพ้ที่แห่งหนใดเอาไว้อย่างมิดชิด คราวนี้ถือโอกาสขอหลีกหลีหนีภัยฝุ่นพีเอ็ม 2.5 กับ ไวรัสโควิด-19 ไปสูดอากาศโล่งๆ ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของพระนคร ซึ่ง “เคทีซี” อาสาพาไป “ชมศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง” ในย่าน “หนองจอก” และ “ตลาดเก่าหัวตะเข้” แบบวันเดย์ทริป โดยได้รับเกียรติจาก อ.ธานัท ภุมรัช นักประชาสัมพันธ์ กลุ่มงานพัฒนาการท่องเที่ยว ส่วนการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่เป็นวิทยากร  ตลอดทริป

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

มนสิชา ชะอุ่ม เปิดบ้านสอนการทำสบู่เหลวและครีมหมักผม

         หมุดหมายแรกของทริปนี้อยู่ที่เขต “หนองจอก” โดยก่อนที่เราจะเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศท้องไร่ท้องนา อ.ธานัท ภุมรัช เกริ่นให้ฟังคร่าวๆ ว่าหนองจอกตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของกรุงเทพฯ ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบางน้ำเปรี้ยวและอำเภอเมือง จ.ฉะเชิงเทรา ทิศใต้ ติดต่อกับเขตลาดกระบัง ทิศตะวันตก ติดต่อกับเขตมีนบุรีและเขตคลองสามวา ตามประวัติเดิมเขตหนองจอกมีฐานะเป็นอำเภอหนองจอก ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2440 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยกลุ่มผู้ที่มาตั้งถิ่นฐานพวกแรกๆ เป็นชาวไทยมุสลิมที่อพยพมาจากหัวเมืองภาคใต้ ซึ่งตั้งชุมชนตามแนวคลองแสนแสบที่มีการขุดลอกขยายคลองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งชาวมอญ จีน ลาว เขมร ประกอบอาชีพด้านการเกษตรเป็นหลัก

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้การทำสบู่เหลว

         ไฮไลท์ของ “หนองจอก” นอกจากแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมอิสลาม สัมผัสวิถีชีวิตของพี่น้องชาวมุสลิมโดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกินแล้วยังมี “ศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแสงตะวัน” ซึ่งมีที่มาจากในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ “ชุมชนมุสลิมมลายู” จากปักษ์ใต้ได้เข้ามาทำนาทำสวนในที่ลุ่มชานพระนครในย่านหนองจอก แล้วลูกหลานได้สืบสานภูมิปัญญาต่อกันมาจนพัฒนาเป็นแนวคิดเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบัน พวกเขาใส่ใจเรื่องความปลอดภัยต่อสุขภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นำความรู้ในวิถีเกษตรมาต่อยอดสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตได้จริง โดยมี มนสิชา ชะอุ่ม ประธานศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแสงตะวัน เปิดบ้านสอนขั้นตอนและเคล็ดลับการทำสบู่เหลวและครีมหมักผม...ขอเพียงแค่ติดต่อนัดแนะเข้าไปก่อน เราก็จะได้เรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์แบบง่ายๆ และสนุกอีกต่างหาก

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

หนึ่งในจุดเช็คอินตลาดเก่าหัวตะเข้

       และสำหรับนักเที่ยวสายคาเฟ่ที่นิยมเสพงานศิลป์อยากแนะนำให้มาที่ถิ่น “ตลาดเก่าหัวตะเข้” ศูนย์กลางการค้าขายชานเมืองในอดีตกว่าร้อยปีที่ยังคงกลิ่นอายเอกลักษณ์สภาพแวดล้อมกึ่งชนบท โดยมีคลองประเวศบุรีรมย์เป็นคลองหลักเชื่อมโยงพื้นที่บริเวณนี้ สองข้างฝั่งคลองจะเรียงรายไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่ ส่วนที่มาของชื่อชุมชนมาจากการที่เจ้าหน้าที่ขุดคลองบริเวณนี้บังเอิญขุดไปเจอกะโหลกจระเข้ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง มีแค่ส่วนหัว แต่ไม่มีตัว จึงกลายเป็นชื่อชุมชน “หัวตะเข้” ซึ่งกะโหลกนี้ก็ยังอยู่ที่ศาลเจ้าปึงเถ่ากงจนถึงปัจจุบัน

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

สัมผัสชีวิตช้าๆ สงบ ผ่อนคลาย

         นอกจากจะได้สัมผัสชีวิตที่ช้าลง สงบ ผ่อนคลาย ยังจะได้ชื่นชมเสน่ห์วิถีแห่งศิลปะของชุมชน ที่นี่แม้เคยซบเซาและเสื่อมโทรมเพราะการคมนาคมและการพัฒนาเมืองไม่ทั่วถึงทำให้ย่านตลาดเก่าแทบขาดลมหายใจ แต่ “กลุ่มชุมชนคนรักหัวตะเข้” ได้ร่วมกับคณะอาจารย์และนักศึกษาสถาบันการศึกษาใกล้เคียง ฟื้นฟูและสร้างพื้นที่เล็กๆ ให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ปรับปรุงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก ให้เข้ากับบรรยากาศตลาดโบราณ จนปัจจุบันที่นี่กลายเป็นชุมชนเก่าแสนคลาสสิกของลาดกระบัง

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

สองฝั่งคลองหัวตะเข้

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

ร้านกาแฟเก๋ๆ ก็มีให้นั่งจิบเครื่องดื่มสุดโปรดในบรรยากาศโปร่งๆ 

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

คาเฟ่ แอนด์ เกสต์เฮ้าส์ ในตลาดเก่าหัวตะเข้

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

มนต์เสน่ห์ในตลาดหัวตะเข้

         หลังจากนั่งทอดอารมณ์ชมวิถีชีวิตริมน้ำอันเรียบง่ายที่ร้านสี่แยกหัวตะเข้ คาเฟ่ แอนด์ เกสต์เฮ้าส์ ซึ่งได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่นปี 2559 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เราเดินย้อนกลับมาที่ โรงระหัด หนึ่งในโรงไม้สิบกว่าโรงที่เหลืออยู่และเป็นโรงไม้สุดท้ายที่ปิดตัวลง ผู้ไปเยือนที่นี่จะได้สัมผัสกับความมีชีวิตชีวาอดีตผ่านเศษชิ้นไม้เก่าซึ่งเคยใช้ต่อเรือบ้าง ต่อระหัดวิดน้ำเข้านาบ้าง ถ่ายทอดผ่านงานศิลป์ริมกำแพง ป้าอำภา บุณยเกตุ ผู้ประสานงานกลุ่มชุมชนคนรักหัวตะเข้ เล่าให้ฟังว่าในอดีตโรงไม้แห่งนี้นอกจากจำหน่ายไม้แปรรูปต่างๆ แล้ว ยังรับต่อระหัดวิดน้ำเข้านา จึงมีลูกค้าทั้งที่เป็นชาวบ้านและชาวนารวมถึงคนต่างถิ่นมาใช้บริการ ครั้นต่อมาเมื่อความเจริญเข้ามาสู่ชุมชนหัวตะเข้ในรูปแบบของ “ถนน” บทบาทของคลองจึงค่อยๆ ลดลง กิจกรรมโรงไม้ก็พลอยทยอยปิดตัวเลิกกิจการกันไปจนหมด

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

ป้าอำภา บุณยเกตุ เล่าเรื่องหัวตะเข้

          สำหรับ “โรงละหัด” แห่งนี้ เป็นของ จำนงค์ ยังรักขิตกุล และเป็นเจ้าของร้านเอเฟรม ออกแบบโดยการใช้ใบระหัดและไม้เพื่อต้องการให้ที่นี่เป็นพื้นที่โชว์งานศิลปะและทำกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน เช่น เวิร์กช็อปการ “ทำว่าวใบไม้” แบบโบราณ ซึ่งทำจากใบไม้ใบเดียวอย่าง ใบชงโค หรือการทำ “พวงมโหตร” ซึ่งเป็นเครื่องแขวนในงานประเพณีของชาวมอญ

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

“ทำว่าวใบไม้” กิจกรรมบันเทิงในโรงระหัด

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

“พวงมโหตร” การตัดกระดาษตามวิถีชาวมอญ

          เสน่ห์ของหัวตะเข้ยังไม่หมดแค่นี้เพราะเพียงแค่เราเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบๆ ในชุมชน เราจะไปถึง “บ้านต้นมะขาม” ที่นี่นอกจากจะมีขนมไทยเตาฟืน อย่าง ขนมต้มคลุก ซึ่งทำอย่างละเมียดด้วยไฟจากเตาฟืนที่มีความร้อนอ่อนๆ และต้องใช้เวลาในการต้มนานพอดู ก่อนจะนำไปแช่น้ำเย็นต่ออีกหนึ่งคืนเพื่อให้ข้าวต้มคลุกเข้าเนื้อเหนียวนึ่งนุ่มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ยิ่งได้กินคู่กับ “น้ำกลีบบัว” รสหวานกลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจคลายร้อน แล้วค่อยเข้าร่วมชมการสาธิตวิธีการเย็บฟุตบอลด้วยมือ

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

ขนมต้มคลุกเตาฟืน กลิ่นไอเก่าๆ ที่เราสัมผัสได้ในปัจจุบัน

         ปิดท้ายกันที่ "วิทยาลัยช่างศิลป์" ฟังตำนานสถาบันศิลปะเรืองนาม และประวัติตนแบบขององคพระพุทธมณฑล “พระศรศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์” และ “องค์พระพิฆเนศ” สัญลักษณ์ของช่างศิลป์และกรมศิลปากร โดย อ.จรัญ หนองบัว ผู้อำนวยการวิทยาลัยช่างศิลป์ ต่อด้วยชมผลงานของศิลปินแห่งชาติและศิลปินชั้นครูที่มีผลงานฝากไว้ที่ “สวนประติมากรรม” และ “หอศิลป์” พร้อมร่วมชมการสาธิตศิลปะลายรดน้ำอันเป็นเอกลักษณ์และมรดกทางศิลปะงานไทยสมัยโบราณที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

เสพศิลป์ริมคลอง-ส่องสวนชานกรุง

อ.ธานัท ภุมรัช เล่าตำนาน “องค์พระพิฑเนศ” ในวิทยาลัยช่างศิลป์

         ...ใครที่กำลังเบื่อหน่ายฝุ่นพีเอ็ม 2.5 หรือว่าเบื่อไวรัสโควิด-19 อยากชวนให้ก้าวเท้าออกไปเที่ยว “หนองจอก-หัวตะเข้” จะเดินเสพงานศิลป์เก๋ๆ หรือนั่งในร้านฮิพๆ จิบกาแฟสักถ้วยสองถ้วย น่าจะช่วยให้ชีวิตช่วงนี้บันเทิงขึ้นไม่น้อย...

เรื่อง...กอบแก้ว แผนสท้าน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ