แม่จันลี มือปราบอัมพาต ก้นกบสั้นหายช้า ก้นกบยาวหายไว

 

 

          คอลัมน์ “หมอยาทางเลือก” ฉบับนี้ มาทำความรู้จักกับแม่หมอผู้เป็นที่พึ่งของคนป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตมาหลายสิบปี เอ่ยชื่อมาชาวบ้านต้องร้องอ๋อ !

 

 

          ท่านคือ “แม่หมอจันลี เปลี่ยนเอก” แห่งบ้านโนนหอม จ.สกลนคร ที่ข้อมูลจากกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เล่าเรื่องราวของแม่หมอไว้อย่างละเอียด ว่าท่านนั้นได้รับการถ่ายทอดวิชาการนวดจากแม่ชีใหญ่ ผู้ดูแลสำนักชี วัดป่าสุทธาวาส

          การันตีมากน้อยขนาดไหน ถามชาวบ้านโนนหอมแถวนั้นก็คงพอรู้ แต่ยังไงลองมารู้จักเรื่องราวของแม่หมอกันดู

 

 

 

++

          ชีวิตสาวภูไท
          หมอยาทางเลือก เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2481 ณ บ้านโนนหอม ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร มีเชื้อสายภูไท

          ท่านเป็นบุตรสาวคนที่ 5 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ของนายแก้ว และนางพิม เปลี่ยนเอก จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนบ้านโนนหอม

          ช่วงอายุ 16 ปี เคยไปบวชแก้บนที่หายจากอาการป่วยพุงโร หัวโต ตั้งแต่อายุ 13 โดยแม่บวชที่วัดป่าสุทธาวาส จึงมีโอกาสได้รับการถ่ายทอดวิชาการนวดจากแม่ชีใหญ่ ผู้ดูแลสำนักชี วัดป่าสุทธาวาส

          แม่จันลีเล่าว่า แม่ชีใหญ่ถ่ายทอดวิชานวดให้อย่างเข้มข้น โดยท่านเคยบอกว่า ถ้ามีวิชานวดกับตัว จะสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเลี้ยงตัวได้ตลอดชีวิต

          วิชาที่ได้มาจากแม่ชีใหญ่ เช่น นวดแก้กระดูกทับเส้น ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เส้นเลือดขอด

 

 

 

          จนต่อมาช่วงวัยสาวอายุเพียง 24 ปี หลังแม่จันลีมีครอบครัวแล้วย้ายภูมิลำเนาไป จ.อุดรธานี แม่จันลีเกิดป่วยเป็นอัมพาต เดินไม่ได้

 

          ช่วงแรกแพทย์ก็ให้รักษาตามสภาพ โดยเมื่อพ่อสายสามีออกไปทำงานนอกบ้าน แม่จันลีก็อยู่ในการดูแลของลูกคนโตที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้

          หนักเข้าไปอีกคือลูกคนเล็กยังไม่หย่านม เรียกได้ว่าทารกน้อยยังต้องดูดนมจากอกแม่ที่เป็นอัมพาตไปทั้งอย่างนั้น

++

          เส้นทางหมอยา
          แม่จันลี มาป่วยในช่วงวัยสาวที่ควรจะแข็งแรงสดใส เป็นที่ทุกข์ใจเป็นอันมาก แต่ฟ้ายังมีตา สามีไปได้ยินคำเล่าลือของพ่อหมอพุทสา ที่ตำบลหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี ว่าเป็นหมอยาที่รักษาอัมพาตได้เก่งกาจมาก

          ว่าแล้วสามีจึงติดต่อขอให้มาช่วยรักษาเมียรัก หมอพุทสาเองก็ตั้งใจรักษา แม่จันลีเล่าว่าหมอท่านใช้วิธีการนวดแคะเส้น และการใช้สมุนไพรควบคู่ การย่าง การอบ อาบ และต้มดื่ม และยังฝึกยืนและเดิน ที่สุดใช้เวลาราว 1 เดือน 2 วัน แม่จันลีหายจากอาการมาเดินได้เป็นปกติ

 

 

 

          แน่นอน ความสุขครั้งนี้ส่งผลให้แม่จันลีศรัทธาในวิชาของพ่อหมอเป็นมาก จึงฝากตัวเป็นศิษย์ และร่ำเรียนจนเรียนจบความรู้ของครูภายใน 1 ปี

          อายุเพียง 25 ปี แม่จันลีใช้ความรู้ในการรักษาคนไข้อัมพฤกษ์เป็นต้นมา แต่ที่เด็ดคือ แค่เพียงรายแรกท่านก็สามารถนำวิชาจากทัง้สองครูอาจารย์มารักษาให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติ

          วิธีการตรวจรักษาของแม่จันลี จะใช้วิธีการดูความยาวก้นกบ และแขนหรือขาข้างที่มีปัญหา ถ้าก้นกบยาว ก็จะหายเร็ว ก้นกบยิ่งสั้นโอกาสหายก็จะลดลง

          นอกจากนี้ ถ้าผู้ป่วยเป็นหญิง และมีอาการข้างซ้ายจะรักษายาก แต่ถ้ามีอาการข้างขวาจะรักษาได้ดีกว่า โดยแม่หมอเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า “หญิงซ้ายชายขวา”

++

          ยอมรับนับถือ
          แน่นอนหลังจากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินของมันมาแบบนี้ แม่จันลี กลายเป็นแม่หมอจันลีที่ทุกคนต้องถามหา รักษาผุู้คนมากมาย ว่ากันว่ามีคนไข้เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ราย จนมีโอกาสได้เข้ารับการอบรมเป็น อสม. และรับการส่งต่อคนไข้จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโนนหอมมานวดรักษา และเข้าไปให้บริการนวดในโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยจังหวัดสกลนครเดือนละ 3 ครั้ง

          และในปี 2556 ในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2556 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี แม่หมอยังได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้มอบใบประกาศเกียรติคุณ โล่เชิดชูเกียรติหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ.2556 และเงินรางวัล 200,000 จากองค์การเภสัชกรรม เพื่อเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจของหมอพื้นบ้าน หมอแผนไทย ที่ได้ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพในการทำประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ

 

 

 

          นอกจากนี้ทางองค์กรต่างๆ มักเชิญแม่จันลีไปเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้คนตามสถาบันต่างๆ อยู่เสมอ

          ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ป่วย ที่จะได้พิจารณาลองรักษาด้วยวิธีการนวดแผนโบราณภูมิปัญญาชาวบ้านดู ใครสนใจติดต่อแม่จันลี เปลี่ยนเอก เบอร์ 08-3336-2906