Lifestyle

เพื่อสุขภาพระยะยาว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพื่อสุขภาพระยะยาว คอลัมน์...  ไขปัญหาสุขภาพแผนจีน  โดย...  หมอไพร 

 

 


          เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เป็นวันหยุดของคลินิก จึงไปเยาวราชกับลูกสาวเพื่อซื้อยาบางตัวที่ขาด พอขับรถออกจากบ้าน รู้สึกบรรยากาศรอบๆ ขมุกขมัวตามท้องถนนไปหมด เลยพูดกับลูกว่า สงสัยแม่ต้องได้ผ่าตัดต้อกระจกแล้วล่ะ มองอะไรมัวไปหมด ลูกบอกว่า ฝุ่นจ้าแม่ ตอนแรกลูกเองก็คิดว่าตาตัวเองมีปัญหากะจะไปตรวจตาแล้ว ไปๆ มาๆ รู้สึกว่าน่าจะเป็นฝุ่นมากกว่า ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ วันนั้นตามข่าวก็รายงานว่า วันที่ 3-4-5-6 ฝุ่นใน กทม.และปริมณฑลจะมีปริมาณสูงเกินมาตรฐาน เพราะไม่มีลม อากาศปิด ฝุ่นจึงไม่ไปไหน วนเวียนอยู่ในอากาศรอบๆ ตัวเรา เวลาเดินตามท้องถนนในเยาวราชกับถนนเจริญกรุงก็รู้สึกถึงความอึมครึมไม่แจ่มใสของท้องฟ้าเช่นกัน

 

 

          แต่ที่แปลกใจมากๆ ก็คือ ผู้คนที่เดินขวักไขว่ตามท้องถนน ไม่มีใครใส่ผ้าปิดปากเลย ยังนึกสงสัยว่าไม่กลัวกันบ้างเลยหรือ ทั้งๆ ที่ทางสาธารณสุขก็รณรงค์ให้ใส่ผ้าปิดปากเพื่อกรองฝุ่นละอองกันโครมๆ ข้อแนะนำเหล่านี้ถ้าทำตามมันก็ได้กับตัวเราเอง ป้องกันตัวเราเอง เพราะฝุ่นจิ๋วเมื่อเข้าไปในปอดแล้วจะไม่ย่อยสลาย สั่งสมในปอด ทำให้การทำงานของปอดอ่อนแอลงทีละน้อย แถมฝุ่นจิ๋วเหล่านี้ยังสามารถเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือดไปอุดกั้นเส้นเลือดสมอง หัวใจ จนเกิดอันตรายแก่ชีวิตได้ แต่ไม่ใช่เกิดได้ในเวลาอันรวดเร็ว ต้องสั่งสมเป็นเวลายาวนาน ทำให้ระบบทางเดินหายใจของเราค่อยๆ อ่อนแอลง จะเกิดภูมิแพ้ ไอ เป็นหวัดง่าย หอบหืด พอเกิดโรคระบาด เรายากที่จะหนีพ้น ถึงตอนนั้น ไม่ใช่เพียงตัวเราที่ป่วย ภาระต่างๆ ต้องตกที่ครอบครัว ที่สังคม ที่ประเทศชาติ อยากให้ทุกคนคิดเสียว่า การป้องกันตัวเราเองก็เป็นการช่วยครอบครัว ช่วยชาติอย่างหนึ่งเช่นกัน


          การปิดหน้ากากอนามัย ทำให้เรารู้สึกรำคาญ หายใจไม่สะดวก แต่ขอให้คำนึงถึงร่างกายตัวเองในระยะยาวให้มากดีกว่า ป้องกันไว้ โรคไม่ได้เกิดให้เราเห็นในวันสองวัน แต่สะสมยาวนาน ถึงตอนนั้นเราอายุมากแล้วจะมีเงินพอรักษาหรือ หรือมีก็จะรักษาได้หรือเปล่า ป้องกันไว้ตอนนี้ดีกว่าให้เกิดโรคแล้วค่อยมารักษา การปิดหน้ากาก ทำไประยะหนึ่งก็จะค่อยๆ ชินไปเอง ทำไปก็ได้ที่ตัวเราเอง

 



          บางทีก็คิดไปถึง การคาดเข็มขัดนิรภัย หรือใส่หมวกกันน็อก ทางการต้องมีกฎหมายบังคับ ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ แต่เราก็เอาความสะดวกสบาย ไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย พอใกล้จุดที่มีตำรวจตรวจ ค่อยมาคลำหาสายมาคาด ผู้เขียนก็เป็นเช่นนี้ประจำ ความเคยชิน ความไม่มีวินัยเช่นนี้ ไม่ได้เกิดจากจิตสำนึกของตัวเอง ขนาดใช้กฏหมายบังคับยังไม่ใส่ใจเท่าที่ควรเลย ถึงเวลาที่เราต้องแก้ไข ต้องเป็นแบบอย่างให้กับเด็กรุ่นหลัง สังคมจะได้ดูดีขึ้นมากกว่านี้


          มาถึงช่วงท้ายจะกลับบ้าน เรียกแท็กซี่ คันแรกไม่รับ ไม่ทราบเหตุผล วันนั้น เราใส่รองเท้าผ้าใบ ใส่หมวกกันแดด ใส่ผ้าปิดปากมิดชิด ใส่แว่นกันแดด ครบถ้วน เราเลยกลายเป็นคนแปลกไปมั้ง พี่แท็กซี่ของเราเป็นอย่างนี้นี่เอง ผู้คนจึงหันไปใช้บริการแท็กซี่ทางโทรศัพท์ แต่ก็มีแท็กซี่ดี เราจึงกลับถึงบ้านได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ