Lifestyle

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เรื่อง โดย วันวิสา โรจน์แสงรัตน์

         ในช่วงต้นปีที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย การท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนตั้งใจ และสำหรับปีนี้เราเลือกที่จะเดินทางไปยังดินแดนแห่งธรรมที่ประเทศเมียนมาร์ เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีโอกาสเดินทางไปไหว้พระที่เมืองย่างกุ้งมาแล้วหลายครั้ง แต่ด้วยแรงศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนาครั้งนี้เราจึงกลับไปที่เมียนมาร์อีกครั้ง โดยเลือกเดินทางไป “เมืองมัณฑะเลย์” ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี ถือเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นอดีตเมืองหลวง และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สองของเมียนมาร์รองจากย่างกุ้ง ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1857 โดยพระเจ้ามินดง

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

พระราชวังมัณฑะเลย์

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

ของใช้โบราณภายในพิพิธภัณฑ์พระราชวังมัณฑะเลย์

          สถานที่สำคัญๆ ในมัณฑะเลย์มีหลายแห่งทีเดียว ที่มาแล้วต้องไม่พลาดชมก็อย่าง พระราชวังมัณฑะเลย์ ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรโดยกองทัพอังกฤษได้ทิ้งระเบิดจำนวนมากถล่มพระราชวัง ด้วยเหตุผลว่าเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของกองทัพญี่ปุ่น ส่งผลให้พระราชวังไม้สักแห่งนี้ถูกไฟเผาราบเป็นหน้ากลอง หลงเหลือก็แต่ป้อมปราการและคูน้ำรอบพระราชวังที่ยังเป็นของดั้งเดิม ส่วนพระราชวังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้รัฐบาลได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมาเพียงส่วนหนึ่งจากเดิม 144 ตำหนัก ให้เหลือเพียง 66 ตำหนัก ภายในพระราชวังยังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงรูปภาพและข้าวของเครื่องใช้โบราณที่ยังคงเก็บรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

วิหารไม้สักชเวนานจอง

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

ศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการตาด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อย

          ไม่ไกลกันนักเป็นที่ตั้งของ วิหารไม้สักชเวนานจอง สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง งดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ๆ วิจิตรตระการตาด้วยลวดลายแกะสลักประณีตอ่อนช้อยทั้งหลังคา บานประตู และหน้าต่าง เน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้ามินดง ในปี พ.ศ.2400 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากอมรปุระมาอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ เพื่อเป็นพระตำหนักยามแปรพระราชฐาน แต่หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าธีบอ หรือสีป่อ พระโอรสก็ทรงยกพระตำหนักนี้ถวายวัด ถือได้ว่าเป็นงานฝีมือที่ประณีตของช่างหลวงชาวมัณฑะเลย์อย่างแท้จริง

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

วัดกุโสดอว์

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

จารึกพระไตรปิฎกบนหินอ่อน

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

จุดชมวิวภูเขามัณฑะเลย์

          เดินทางต่อไปเยือน วัดกุโสดอว์ ที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 และพระองค์ทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี และนำมาประดิษฐานในมณฑปอยู่รอบพระเจดีย์มหาโลกมารชิน ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม จากนั้นแวะไปที่ จุดชมวิวภูเขามัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองมัณฑะเลย์ มีความสูง 240 เมตร จากยอดเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพเกือบทั้งเมือง ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนยอดเขามัณฑะเลย์และสามารถมองเห็นแม่น้ำอิระวดี พระบรมมหาราชวัง และวัดกุโสดอว์ ได้อย่างชัดเจนด้วย

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

พิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี

          อีกหนึ่งไฮไลท์ที่มามัณฑะเลย์แล้วไม่ควรพลาดคือ นมัสการพระมหามัยมุนี อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด 1 ใน 5 แห่งของพม่า ถือเป็นต้นแบบพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ที่ได้รับการขนานนามว่า “พระพุทธรูปทองคำเนื้อนิ่ม” ซึ่งพระเจ้ากรุงยะไข่ ทรงหล่อขึ้นที่เมืองธรรมวดี เมื่อปี พ.ศ.689 หุ้มด้วยทองคำเปลวหนา 2 นิ้ว ทรงเครื่องประดับทองปางมารวิชัย ชาวพม่าเชื่อกันว่า “พระมหามัยมุนี” เป็นพระพุทธรูปมีชีวิต เพราะพระพุทธเจ้าได้ประทานลมหายใจอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในพระวรกายของพระพุทธรูปองค์นี้ จึงเป็นต้นกำเนิดของพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี ที่เจ้าอาวาสจะต้องจัดพิธีล้างหน้าแปรงฟันให้พระพุทธรูปทุกๆ วันในตอนเช้ามืด เพราะถือว่าท่านมีชีวิต มีลมหายใจ

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

เจดีย์ชินพิวเม

          หากจะให้ครบรสของการเดินทางท่องเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์ แนะนำให้เช่าเรือล่องแม่น้ำอิรวดีไปยัง “หมู่บ้านมิงกุน” ชมวิถีชีวิตของชาวลุ่มแม่น้ำอิระวดีที่อาศัยอยู่กันมาเนิ่นนานสองฝั่งแม่น้ำ ยิ่งอากาศช่วงนี้กำลังเย็นสบาย รับรองว่าฟินสุดๆ ทีเดียว นั่งเพลินๆ ราว 40 นาทีเรือก็พาเรามาเทียบท่าเมืองมิงกุน ที่นี่เราต้องเปลี่ยนมาใช้พาหนะท้องถิ่น คือรถตุ๊กตุ๊กไปยังจุดแรกที่ เจดีย์ชินพิวเม สร้างโดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาของพระเจ้าปดุง สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักแด่พระมหาเทวีชินพิวเม ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนวัยอันควร ที่นี่ยิ่งใหญ่และสวยงามมากจนได้รับสมญาว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มแม่น้ำอิระวดี” ตรงพิกัดนี้จะมีเด็กๆ ชาวบ้านมารับอาสาถ่ายภาพให้นักท่องเที่ยวด้วย เพียงแค่ตอบแทนน้ำใจน้องๆ เพียงเล็กน้อย ก็จะได้ภาพสวยๆ มุมเด็ดๆ กลับมาเป็นที่ระลึก

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

 ระฆังมิงกุน

          ไม่ไกลกับจุดแรกเป็นที่ตั้งของ ระฆังมิงกุน มีเส้นรอบวง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนักมากถึง 87 ตัน ว่ากันว่าเป็นระฆังยักษ์ที่เล็กกว่าระฆังแห่งพระราชวังเครมลินในกรุงมอสโก แต่ระฆังนั้นแตกร้าวใช้งานไม่ได้แล้ว จึงทำให้ระฆังมิงกุนเป็นระฆังยักษ์เพียงใบเดียวในโลกที่ยังคงใช้งานได้จริง 

ตามรอยแสงแห่งธรรม@"มัณฑะเลย์"

เจดีย์มิงกุน

          ทริปนี้เรายังได้ไปชมความยิ่งใหญ่ของ เจดีย์มิงกุน โดยพระเจ้าปดุงทรงสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุ โดยพระองค์ประสงค์จะสร้างให้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ามหาเจดีย์พุกามและใหญ่โตกว่าองค์พระปฐมเจดีย์ในเมืองไทย แต่งานก่อสร้างผ่านไปเพียง 7 ปี พระเจ้าปดุงก็สวรรคต มหาเจดีย์จึงเหลือแค่เพียงฐานแต่ก็ยังสูงถึง 50 เมตร หากสร้างเสร็จเชื่อว่าเจดีย์นี้จะมีความสูงถึง 152 เมตร และจะยิ่งใหญ่จนเป็นที่กล่าวขานถึงอย่างแน่นอน...

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ