Lifestyle

ห่วง...ไทยป่วยเบาหวานพุ่งสูงต่อเนื่องทะลุ 4.8 ล้านคน (จบ)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ห่วง...ไทยป่วยเบาหวานพุ่งสูงต่อเนื่องทะลุ 4.8 ล้านคน (จบ) คอลัมน์... ดูแลสุขภาพ

 

 

          ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยและประธานคณะกรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง กล่าวว่า “เยาวชนที่เป็นเบาหวานตั้งแต่วัยเด็กเล็กและวัยเรียนจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้ แต่อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ครอบคลุมอยู่ในรายการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และมีค่าใช้จ่ายอยู่ราว 13,000 บาทต่อปี ทำให้ครอบครัวของผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์นี้ได้ หลายหน่วยงานจึงได้ร่วมมือจัดกิจกรรมเพื่อระดมทุนช่วยเหลือเยาวชนกลุ่มนี้ที่มีอยู่ราว 100,000 คนในประเทศไทย”

 

อ่านข่าว... ห่วง...ไทยป่วยเบาหวานพุ่งสูงต่อเนื่องทะลุ 4.8 ล้านคน (1) 

 

 

          ด้านเครือข่ายคนไทยไร้พุงก็ปล่อยกิจกรรม Active Meeting Challenge ภารกิจท้าคุณขยับ ที่ขอท้าให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุข สมาคม ชมรม และกลุ่มเพื่อสุขภาพต่างๆ เข้าร่วมการประกวดคลิปออกกำลังกายระหว่างพักการประชุมหรือการปฏิบัติงาน เพื่อกระตุ้นให้คนในองค์กร ให้ความสำคัญในการเพิ่มการขยับร่างกายในชีวิตประจำวันและตระหนักถึงภัยอันตรายของการนั่งทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดโรค NCDs รวมถึงโรคเบาหวาน กิจกรรมนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็น Healthy Organization หรือองค์กรสุขภาพดี โดยคลิปวิดีโอที่ส่งเข้าประกวด และผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จะถูกนำมารวบรวมเป็นชุดต้นแบบให้แก่องค์กรต่างๆ รวมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุขนำไปใช้และเผยแพร่ให้เกิดการปฏิบัติในวงกว้าง สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2563


          ทั้งยังมีกิจกรรม Healthy Family Workshop เชิญชวนสมาชิกในครอบครัวมาร่วมเวิร์กช็อปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย ในรูปแบบกิจกรรมเรียนรู้ที่สนุกสนาน สามารถนำไปใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ครอบครัวห่างไกล NCDs และเบาหวาน โดยมีทั้งเวิร์กช็อปดูแลสุขภาพเด็กวัยเรียน และเวิร์กช็อปดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ โดยเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนในครอบครัว (เด็กวัยเรียนร่วมเวิร์กช็อปพร้อมผู้ปกครอง, ผู้สูงอายุร่วมพร้อมบุตรหลาน) ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและประกาศรับสมัครได้ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจเครือข่ายคนไทยไร้พุง




          Together Fight Diabetes Fair กิจกรรมวันรวมพลังสู้เบาหวานและโรค NCDs ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 มีองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนภาคีเครือข่ายสุขภาพมาร่วมจัด โดยมีนิทรรศการความรู้ในการจัดการเบาหวานและโรค NCDs การเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและคนรอบข้าง ทั้งในระดับครอบครัว องค์กรและสังคม การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพให้รอดพ้นจากเบาหวานและการสังเกตอาการเริ่มต้นของเบาหวาน การนำเสนอผลงานจากหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมรณรงค์ต่อสู้โรคเบาหวาน ตลอดจนเป็นพื้นที่แสดงออกสำหรับผู้ที่สนใจเรื่องเบาหวานและกลุ่มผู้ป่วย


          นอกจาก 4 กิจกรรมหลักแล้ว ยังมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอื่นๆ เนื่องในวันเบาหวานโลกตามโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขต่างๆ รวมถึงกิจกรรมจากภาคเอกชน เช่น งานวิ่งอ่อนหวาน 2019 โดย ดัชมิลล์ กิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพต้านภัยเบาหวาน ของเทสโก้ โลตัส เป็นต้น


          ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า โรค NCDs เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลกและประเทศไทย โดยทั้งโลกมีผู้เสียชีวิตปีละมากกว่า 40 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71 ของการเสียชีวิตทั้งหมด และส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา สามารถคำนวณมูลค่าความสูญเสียถึง 47 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 หากไม่มีการดำเนินการแก้ไข ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 400,000 คนต่อปี คิดเป็นร้อยละ 76 ของการเสียชีวิตทั้งหมด และครึ่งหนึ่งเสียชีวิตก่อนวัยอันควร คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียร้อยละ 2.2 ของจีดีพีต่อปี ซึ่งโรคเบาหวานเป็น 1 ใน 5 โรค NCDs ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย อันมีสาเหตุจากพฤติกรรมทางสุขภาพที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การมีกิจกรรมทางกายไม่เหมาะสม การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


          สสส.จึงมุ่งเน้นสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนในทุกช่วงวัย โดยการพัฒนาและจัดการความรู้ สนับสนุนให้เกิดการจัดสิ่งแวดล้อมทางกฎหมายและทางสังคม อาทิ การผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อพฤติกรรมสุขภาวะ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงด้านยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มปัจจัยเสริมด้านอาหารเพื่อสุขภาวะและการเพิ่มกิจกรรมทางกาย ใช้การสื่อสารการตลาดเพื่อรณรงค์ปรับเปลี่ยนค่านิยมวัฒนธรรม ขยายแนวคิดความรอบรู้ด้านสุขภาพให้เหมาะสมตามกลุ่มวัย ตั้งแต่วัยเด็ก เยาวชน วัยทำงาน ผู้สูงวัย ตลอดจนประชากรกลุ่มเฉพาะ เช่น ผู้พิการ กลุ่มสถานะบุคคล เพื่อขับเคลื่อนให้ประชาชนเกิดความรอบรู้ด้านสุขภาพ เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมสุขภาวะ ขับเคลื่อนงานลงสู่พื้นที่เป้าหมาย อาทิ สถานประกอบการ สถานศึกษา ชุมชน ครอบครัว อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนการทำงานของภาคีภายใต้กลไกที่หลากหลาย เพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ