Lifestyle

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

 

 

 

          มิชลิน จัดงาน “Michelin Passion Experience” เป็นประจำทุกปี ต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปี เป็นกิจกรรมการขับขี่ในรูปแบบมอเตอร์สปอร์ตทั้งทางเรียบ ออฟโรด ด้วยรถยนต์ที่หลากหลาย

 

 

          ส่วนงานปีนี้ที่จัดขึ้นที่สนามแข่งรถเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มาเลเซีย มิชลินเชื้อเชิญแขกคนสำคัญ เซเลบ และสื่อมวลชนอีกไม่กี่คนมาร่วมงาน ปีนี้ใช้รถร่วมกิจกรรมประกอบด้วยรถล้อเปิดอย่างฟอร์มูลา 4, บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3, ฟอร์ด เรนเจอร์, ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์, เซียท ลีออง เอ็มเค 3 ทีซีอาร์ และปอร์เช่ 718
   

 

 

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

 

 

          การมีบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3 เพราะปีนี้มิชลินต้องการให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัส "มิชลิน ไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี" ยางสำหรับรถเอสยูวี โดยมีรูปแบบการขับขี่ คือการขับแบบจิมคาน่าบนพื้นแห้ง การขับสลาลอมบนพื้นเปียกโดยมียางคู่แข่งเปรียบเทียบ
  

          ซึ่งจุดเด่นของเอ็กซ์ 3 คือเป็นรถที่มีสมรรถนะของช่วงล่างที่ดี มีการทรงตัวที่ดีอยู่แล้ว เมื่อขับด้วยยางคู่แข่งบนเส้นทางสลาลอมพื้นเปียกด้วยความเร็วที่ล็อกไว้ 60 กม./ชม. ก็สามารถขับผ่านไปได้โดยไม่เตะกรวยจนกระเด็นกระดอน หรือรถเสียหลักแต่อย่างใด
   

 

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

 

 

          แต่ว่าสิ่งสำคัญคือเมื่อขึ้นมาขับเอ็กซ์ 3 ที่ติดตั้งไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนรถผ่านอุปสรรคได้เหมือนกัน การคุมความเร็วเท่ากัน แต่ผมว่าตัวนี้ใช้เวลาน้อยกว่า เพราะมันไม่ออกอาการลื่นไถลเลย สามารถขับซอกแซกได้ชิดกับกรวยมาก เรียกว่าขับได้ง่ายกว่า
   

          ส่วนการเบรกบนทางแห้ง จากความเร็ว 100 กม./ชม. การทรงตัวเมื่อกดเบรกหนักๆ จนเอบีเอสทำงาน รถทรงตัวดีจนกระทั่งหยุดนิ่งสนิท


          อีกสถานีเป็นการเบรกที่ความเร็วจาก 80 กม./ชม. เทียบกับยางคู่แข่ง ผมลองแล้วไพลอต สปอร์ต 4 เอสยูวี มีระยะเบรกที่สั้นกว่า 2-3 เมตร ในการลอง 2 ครั้ง
   

 

 

 

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

 


             ปีนี้มีสถานีออฟโรด ทั้งทางขรุขระ บ่อน้ำ ไต่เนินชัน เนินเอียง ก้อนหินโดยใช้ปิกอัพ ฟอร์ด เรนเจอร์ ซึ่งสนุกดี แต่ไม่มีอะไรตื่นเต้นมากนัก เพราะทั้งรถและยาง บีเอฟกู๊ดริช ผ่านได้สบายๆ เหมือนมิชลินจะรู้เลยมีกิจกรรมพิเศษด้วยการนำถังน้ำมาตั้งบนฝากระโปรงหน้าติดให้แน่นด้วยตีนตุ๊กแก จากนั้นขับไปบนเส้นทางออฟโรดในเวลาที่กำหนดเมื่อถึงจุดหมายแล้วมาวัดกันว่าน้ำในถังของใครเหลือมากกว่า
   

          อีกสนามหนึ่งที่สร้างความเร้าใจได้เช่นกัน คือการขับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่มาพร้อมยางบีเอฟกู๊ดริช ในรูปแบบแรลลี่สั้นๆ ซึ่งออกแบบให้มีทางโค้งลึก โค้งตื้น โค้งยาวเหมือนครึ่งวงกลม ซึ่งก็ไม่ยากอะไร เพราะว่ารู้กันอยู่แล้วว่าแร็พเตอร์เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และตัวยางเองก็เอาอยู่ แต่ถ้าบางช่วงขับแบบเลี้ยวแรงๆ เร็วๆ ด้วยความเร็ว ซึ่งถือว่าเกินขีดจำกัดของรถให้รถมีอาการโอเวอร์สเตียร์ ก็จะได้เห็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือการแก้อาการที่ทำไม่ยากเลย
   

 

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

 

 

          ผมชอบการจับคู่ของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ กับบีเอฟกู๊ดริช มาหลายสนามไม่ว่าจะเป็นการขับที่โคราช การขับที่พังงา หรือแม้กระทั่งบินลัดฟ้าไปลุยทะเลทรายที่อัปปิงตัน แอฟริกาใต้
   

          การขับทั้งหมดที่พูดมานั้นแน่นอนสนุก เร้าใจ แต่เชื่อว่าสิ่งที่หลายคนจะรู้สึกตื่นเต้นก็คือการได้ขับรถล้อเปิด “ฟอร์มูลา 4 เรซซิ่งคาร์” เพราะอย่างน้อยๆ เราไม่มีโอกาสได้ขับมันบ่อยนัก แม้จะเป็นแค่ฟอร์มูลา 4 ก็ตาม สำหรับผมเองเคยร่วมกิจกรรมกับมิชลินมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ยังตื่นเต้นเสมอที่จะได้ลองเจ้าล้อเปิดคันงามในวันนี้
   

          เครื่องยนต์ไม่ใหญ่นัก 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า แต่ตัวถังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาแค่ 470 กก. ก็ทำให้เครื่องยนต์ไม่มีภาระแบกน้ำหนักนัก ทั้งนี้ตัวถังออกแบบให้มีแรงกดเพื่อการควบคุมรถที่ดี ติดตั้งยางสลิกแบบซอฟท์

 

 

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

 


          รถอารมณ์ดิบๆ ไม่มีตัวช่วยอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบเบรกเอบีเอส ระบบช่วยเบรก และแน่นอนมันไม่มีแอร์แบ็กแน่ ดังนั้นอยู่ที่เราที่จะต้องควบคุมรถด้วยตัวเองให้ถูกต้องตามหลักการในแทร็กซึ่งเป็นสนามแข่ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเกียร์ที่ถูกต้อง ระยะการเบรก การคงเบรกและการปล่อยเบรกในโค้ง การใช้คันเร่งในโค้ง จุดเบรก จุดเลี้ยว ซึ่งทางทีมงานจะมีการกำหนดตำแหน่งเอาไว้ให้สังเกตด้วยการวางโครงเอาไว้ริมแทร็ก แต่ก็นั่นแหละครับหลายอย่างยังต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในช่วงเวลาจริงในสนามด้วย
   

          และแน่นอนก่อนขับทีมผู้ฝึกสอนก็มาสอนวิธีการขับที่ถูกต้องทั้งหมด ทั้งการใช้พวงมาลัย เบรก คันเร่ง และไลน์เข้าออกโค้ง เกียร์เป็นแบบแพดเดิลชิฟท์เปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยโดยไม่ต้องการการเหยียบคลัตช์ ดังนั้นคลัตช์จะใช้ 3 ช่วงเท่านั้นคือ ช่วงสตาร์ทที่รถจะเริ่มที่่เกียร์ 1 ไม่มีเกียร์ว่าง ช่วงออกตัว และช่วงจอด
  

          ผมค่อยๆ ยัดตัวลงไปในรถจัดตำแหน่งให้เข้าที่เข้าทางเมื่อพร้อมก็ออกตัวทันที ต้องเลี้ยงคลัตช์กับคันเร่งให้เหมาะสม ไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนม้าพยศ เพื่อผ่านพ้นพิทเลนก็กดคันเร่งเต็มที่เพื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้นซึ่งจะง่ายกว่าช่วงการขับความเร็วต่ำๆ แต่อย่าหวังว่ารถจะนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์เหมือนโฆษณาขายรถทั่วไป ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์จะมีอาการหัวทิ่มหัวตำเล็กน้อย แต่ก็สนุกดีครับ
   

 

เสริมประสบการณ์กับยางมิชลิน ร้อนแรงบนแทร็ก เซปัง เซอร์กิต

 

 

          ผ่านโค้งต่างๆ ไปได้อย่างสนุก เข้าไลน์ให้ถูกต้อง สมรรถนะของตัวรถกับยางก็ทำให้เราไม่ต้องถวิลหาระบบช่วยขับต่างๆ และช่วงที่ผ่านทางตรงที่ไม่ใช่หน้าแกรนด์สแตนด์หรือกริดสตาร์ท มันเป็นทางตรงที่ไม่ยาวนัก ทำความเร็วได้ 172 กม./ชม.ครับ
   

          เป็นประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกครับกับฟอร์มูลา 4 และหาโอกาสขับรถแบบนี้ได้ยากครับ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ