Lifestyle

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต คอลัมน์... ยานยนต์

 

 

          เอ็มจี โดดเข้าเล่นในตลาดใหญ่อย่างปิกอัพ โดยเปิดตัว “เอ็กซ์เทนเดอร์” ที่มาพร้อมกับคำนิยามว่า "กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง" ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบตรงๆ ว่า คันนี้แหละที่ใหญ่ที่สุด และเชื่อมั่นว่าเรื่องของขนาดตัวถังเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคยึดถือเป็นองค์ประกอบในการการเลือกซื้อ โดยมี 2 ตัวถังให้เลือกคือ ไจแอนท์ แค็บ หรือปิกอัพตอนครึ่ง และดับเบิลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู

 

 

          เอ็มจี บอกว่า เอ็กซ์เทนเดอร์ มีขนาดตัวถังที่ยาวและกว้างที่สุดในตลาด มีฐานล้อที่ยาวที่สุด นั่นทำให้มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่มากขึ้น เช่น รุ่นไจแอนท์ แค็บ ที่ระบุว่ามีพื้นที่กระบะท้ายน้อยกว่าปิกอัพตอนเดียวหรือปิกอัพไม่มีแค็บในตลาดแค่ 10 ลูกบาศก์ ซม. เท่านั้นเอง

 

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต


  

          เรื่องของเรื่องก็เพราะว่ารถแบบนี้หรือรถตอนครึ่งนั้นเขามีกฎหมายจำกัดขนาดของห้องโดยสาร ทำให้ไม่สามารถทำได้ใหญ่กว่านั้น พื้นที่ที่เหลือจึงถูกส่งไปยังกระบะท้ายแทน หรือจะพูดว่าเอ็มจีอาจจะอยากสื่อสารกับลูกค้าที่ต้องการซื้อรถตอนเดียวว่า คันนี้ก็มีพื้นที่ไม่ต่างกันนัก แต่ได้เปรียบตรงมีแค็บให้ใช้งานด้วย


          ส่วนรุ่นดับเบิลแค็บ เอ็มจี ยืนยันว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งจากการเข้าไปลองนั่ง ก็กว้างขวาง นั่งสบาย โปร่ง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งด้านหลังนั้นพื้นที่เหนือศีรษะกว้าง ช่วยให้โปร่งโล่งสบาย และพื้นที่วางเท้าและพื้นที่ช่วงเข่าเหลือมากอย่างเห็นได้ชัด ทำให้นั่งได้สบาย เบาะนั่งแถวหลังกว้างขวางดี แต่หากปรับองศาพนักพิงหลังให้เอนเพิ่มอีกเล็กน้อย ไม่มากนัก น่าจะทำให้นั่งได้สบายขึ้น แต่รวมๆ แล้วก็ถือว่าใช้ได้
   

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต

 

 

          จุดเด่นอีกอย่างคือเบาะหลังพับได้ เพื่อบรรทุกสัมภาระ กรณีที่เดินทางกัน 2 คน หรือ 3 คน ก็สามารถนำสัมภาระสำคัญๆ มาไว้ในห้องโดยสารได้ ไม่ต้องเก็บไว้ที่กระบะท้าย


          ส่วนตำแหน่งผู้ขับขี่ ตำแหน่งควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานง่าย ทัศนวิสัยดีชัดเจน และวัสดุภายในหลายส่วนใช้วัสดุประเภทซอฟท์ ทัช ช่วยให้มีสัมผัสที่ดี
   

          จุดขายอื่นๆ ก็คือ เรื่องของออปชั่นหลายอย่างโดยเฉพาะไอ-สมาร์ท ที่จะเป็นลูกเล่นใหม่ในตลาด เป็นระบบที่สั่งการให้โทรออก เปิด-ปิดหรือควบคุมระบบปรับอากาศ หน้าต่างฝั่งคนขับ วิทยุภายในรถ ค้นหาจุดสนใจ ได้ทั้งทางหน้าจอ ทัชสกรีน หรือว่า สมาร์ทโฟน
   

 

 

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต

 


            ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที
  

          เกียร์มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เกียร์ธรรมดา 6 สปีด การขับขี่มีโหมด ECO และ POWER ให้เลือก และรุ่นดับเบิล แค็บมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L
  

          ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น อุปกรณ์มาตรฐานสำคัญๆ เช่นดิสก์เบรก 4 ล้อ ถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเสริมแรงเบรก ระบบกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน กล้องมองภาพรอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลังและด้านหน้า และกล้องมองหลัง เป็นต้น แต่ทั้งนี้อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย
  

 

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต

 

          เอ็มจีจัดรถให้ลองขับกันพอหอมปากหอมคอ มีทั้งขับบนทางเรียบโดยใช้แทร็คของสนาม 8 สปีด และการขับแบบออฟโรด


          บนทางเรียบนั้น แบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ เบรก เป็นการเบรกแบบบกระทืบให้รถหยุดสนิท จากความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. ซึ่งตรงนี้ผมว่าทำได้ดีเลยครับ ระยะเบรกไม่ไกลเบรกหยุดไม่ไหล และรถมีการทรงตัวที่ดี
   

          จากนั้นเป็นการขับขี่สลาลม ดูความคล่องตัวและการควบคุมรถ ซึ่งก็ทำได้ดีเช่นกัน ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ไม่ยาก ต่อเนื่องด้วยการควบคุมรถบนเส้นทางผ่านโค้งบนแทร็ค 4-5 โค้ง ซึ่งช่วงล่างทำได้ดีครับ การทรงตัวใช้ได้ทีเดียว สามารถคุมรถให้อยู่บนเส้นทางได้ แม้จะมีอาการว่ารถอยากไถลออกไปบ้างก็ตาม แต่ก็สามารถจัดการได้
  

          แต่สถานีนี้ สิ่งที่ผมยังไม่ชอบคือพวงมาลัยที่ยังต้องใช้องศาการหมุนเพื่อควบคุมรถมากสักหน่อย และยังขาดความแม่นยำอยู่บ้าง แต่อย่างที่บอกครับว่าเป็นการขับสั้นๆ ใช้เวลาไม่มากนัก อาจจะต้องใช้เวลาทำความรู้จักกันมากกว่านี้สักหน่อย
  

 

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต

 

 

          ส่วนการขับออฟโรด ก็มีทั้งการปีนไต่เนินสลับ เพื่อให้ดูการกระจายกำลังไปยังล้อทั้ง 4 เนื่องจากเนินแบบนี้บางช่วงล้อบางล้อลอยจากพื้น หรือว่ามีแรงกดกับพื้นไม่มากพอ หากการกระจายกำลังไม่ดีพอ ก็ทำให้ติดไม่สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ แต่ว่าจุดนี้ เอ็กซ์เทนเดอร์ไปได้สบายๆ
  

          การไต่เนินซึ่งไม่ชันมาก ไต่สบายๆ แต่เอ็มจีต้องการให้ดูระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันมากกว่าที่ระบบจะคงการทำงานของเบรกไว้ให้ชั่วครู่ในช่วงที่เราถอนเท้าจากเบรก ทำให้รถไม่ไหลถอยหลัง และระบบช่วยลงเนินที่รถจะควบคุมความเร็วให้เอง โดยผู้ขับไม่ต้องเหยียบเบรกหรือคันเร่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำได้ตามหน้าที่ดีพอ
 

          นอกจากนั้นก็มีการขับลุยน้ำลุยโคลนอีกเล็กน้อย ให้เห็นถึงความสามารถของรถขับเคลื่อน 4 ล้อ กับเส้นทางออฟโรดแบบนี้


          โดยรวมกับการขับออฟโรด มันผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ช่วงล่างครับ ผมว่าเจ้าเอ็กซ์เทนเดอร์นี่ดูดซับแรงสะเทือนได้ดี ทางขรุขระ ทางลูกรัง ลดความกระด้างไปได้เยอะ และที่ดูเด่นก็คือ การกระเด้งกระดอนที่น้อย ทำให้นั่งได้สบายกว่ารถบางคันในตลาดครับ
  

 

 

เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ สัมผัสแรก ปิกอัพตัวโต

 

 

          ส่วนราคา ในรุ่นไจแอนท์ แค็บ หรือปิกอัพมีแค็บ ซึ่งมี 5 รุ่นย่อย ราคา 5.49-7.29 แสนบาท และดับเบิลแค็บ หรือปิกอัพ 4 ประตู 5 รุ่นย่อย ราคา 7.59 แสนบาท-ไปจนถึง 1.02 ล้านบาท ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
  

          ราคานี้แม้จะยังไม่สะใจกองเชียร์ที่อยากเห็นทำได้ต่ำกว่านี้ โดยเฉพาะรุ่นท็อปขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่หลายคนอยากเห็นราคาต่ำล้านก็ตาม แต่เอ็มจีบอกว่าโดยเฉลี่ยแล้วนี่เป็นราคาที่ต่ำกว่าตลาดประมาณ 10%

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ