Lifestyle

มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 อาร์เอฟ จัดจ้าน ปราดเปรียว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ยานยนต์

 

 

          เอ็มเอ็กซ์-5 ได้ชื่อว่าเป็นโรดสเตอร์ที่มียอดขายมากที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งก็มาจากราคาที่ไม่ได้สูงนัก แต่ได้อะไรอารมณ์หลายอย่างเหมือนที่รถแพงๆ มี

 

          และสำหรับโฉมปัจจุบัน มันเดินทางมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 4 ออกแบบได้ค่อนข้างลงตัว เส้นสาย รูปทรงสวยงามน่าขับขี่ แต่หากจะถามผมว่าไม่ชอบตรงไหนบ้าง ก็คงจะบอกว่ารูปทรงของไฟท้ายที่ขาดความดุดันไปหน่อย ขัดกับอารมณ์ของรถโดยรวม และตำแหน่งของปลายท่อไอเสียที่น่าจะทำให้ดูสปอร์ตกว่านี้ แต่นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวครับ แต่ละคนอาจมองไม่เหมือนกัน

 


          แต่จุดอื่นๆ ดูดี ทั้งรูปทรงโดยรวมของมุมมองด้านหน้า ด้านข้าง รวมถึงด้านหลังด้วยเช่นกัน รวมถึงล้อขนาด 205/40 R17


          จุดเด่นอีกอย่างคือ เอ็มเอ็กซ์ 5 อาร์เอฟ มันเป็นรถเปิดประทุน ที่เมื่อเปิดหลังคาแล้วก็ยังดูสวยงาม และให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากช่วงปิดหลังคานัก ซึ่งหลังคาเปิดประทุน ใช้เวลาเปิดปิดควบคุมด้วยไฟฟ้า 13 วินาที


          โฉมปัจจุบันถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้า มันสั้นกว่า 8 ซม. แต่การออกแบบให้เตี้ยลง 20 มม. และยังมีโอเวอร์แฮงก์ที่สั้นลง เป็นสิ่งที่ช่วยให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น


          การเข้าออกห้องโดยสารของรถขนาดเล็กคันนี้ ไม่ยากอย่างที่คิด เอาก้นนั่งลงไปก่อน แล้วยกขาตามเข้าไป และเบาะนั่งก็นั่งได้สบาย พื้นที่เหนือศีรษะไม่มากนักตามรูปแบบรถ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร


          ในรุ่นหลังคาผ้าใบมีเสียงเข้ามาพอควรมากกว่ารุ่นหลังคาแข็ง เพื่อขับขี่ด้วยความเร็ว


          ด้านขุมพลังที่พัฒนาขึ้นในเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ จี ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้อยู่ที่ 160 แรงม้า


          ส่งกำลังผ่านเกียร์ ซึ่งมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด โดยเกียร์ธรรมดามีขนาดกะทัดรัด สมส่วนกับตัวรถ เกียร์ค่อนข้างชิดกัน และระยะโยกสั้นๆ ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง และคล่องตัวมากในการเปลี่ยนเกียร์ไปมาบ่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่การจราจรพลุกพล่านหนาแน่น




          ระยะหลังๆ มีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้ขับรถเกียร์ธรรมดา เพราะส่วนใหญ่หนีไปที่เกียร์อัตโนมัติกันหมดแล้ว แต่ก็สนุกดี เพราะร่างกายทำงานได้สมดุลมากขึ้น ไม่ปล่อยให้ขาซ้ายอยู่เฉยๆ


          น้ำหนักของคลัทช์ดี ไม่หนัก ไม่เบาเกินไป ระยะเหยียบสั้นๆ ไม่ลึก ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมด ทั้งเกียร์ชิดๆ โยกสั้นๆ คลัทช์ที่สั้นๆ เช่นกัน ก็ช่วยให้มันมีอารมณ์สปอร์ต แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ขับอยู่ในกรุงเทพฯ ที่ทำความเร็วได้ไม่มาก และต้องเปลี่ยนเกียร์ไปมาก็ตาม


          ขนาดตัวถังที่กะทัดรัด กับความแรงของเครื่องยนต์ ช่วยได้มากกับสภาพจราจรหนาแน่น มันมีความคล่องตัวสูง เปลี่ยนช่องทางได้รวดเร็ว


          เมื่อบ่ายหน้าออกนอกเมืองหลวง มุ่งไปกรุงเก่า เส้นทางนี้ทำให้เห็นถึงสมรรถนะที่ชัดเจนของโรดสเตอร์คันนี้


          กำลังของเครื่องยนต์ส่งให้รถออกตัวได้รวดเร็ว การเร่งแซงทันอกทันใจ รู้สึกได้ถึงแรงกระชาก และแรงที่หลังกดลงไปที่เบาะเมื่อกดคันเร่งแรงๆ แต่การกดคันเร่งอย่างรวดเร็วรุนแรง ก็ไม่ได้ทำให้รถขับเคลื่อนล้อหลังคันนี้ดื้อแต่อย่างใด แม้จะรู้สึกได้เล็กน้อยว่ามีแรงส่งไปที่ล้อหลังอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยระบบควบคุมการขับขี่ต่างๆ ก็ทำให้มันยังมีการทรงตัวที่ดี


          ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ตามสเปกอยู่ที่ 7.9 วินาที


          เมื่อมีช่วงว่างๆ ทางโล่งๆ ไม่มีรถในระยะเสี่ยง ผมลองกดคันเร่งอีกครั้ง มันไล่ความเร็วขึ้นไปกว่า 180 กม./ชม. ไม่ยาก การตอบสนองของเครื่องยนต์ทำได้รวดเร็ว แต่ก็อีกครั้งครับย้ำว่าผมลองแค่ช่วงสั้นๆ ให้รู้สึกสมรรถนะเท่านั้น จากนั้นก็ลดความเร็วลงมาขับในความเร็วทั่วๆ ไป


          แต่สิ่งหนึ่งที่ได้จากการลองความเร็วสูงก็คือ รถที่มีฐานล้อสั้นๆ คันนี้ มีการทรงตัวที่ดี การควบคุมพวงมาลัยเคยทำอย่างไร ก็ยังทำเช่นเดิม ประคองเบาๆ สบายๆ


          ช่วงล่างให้อารมณ์สปอร์ตชัดเจน ทั้งการยึดเกาะถนนทั้งในทางตรง หรือว่าในโค้งด้วยระดับความเร็วขับขี่ที่รับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยง


          นอกจากนี้ก็ยังถ่ายทอดสภาพถนนมายังผู้ขับได้ดี ซึ่งมีผลดีต่อการควบคุมรถในช่วงเวลานั้นๆ


          และแม้ว่าช่วงล่างจะมีอารมณ์สปอร์ตชัดเจน แต่จุดเด่นอีกอย่างคือ การออกแบบให้สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ไม่แข็งกระด้างชนิดที่คนมีอายุไม่อยากขับ ถือว่าทำออกมาได้ลงตัวทีเดียวครับ


          ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ก็ให้อารมณ์การขับด้านต่างๆ ไม่ต่างกัน แค่ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองเท่านั้นเอง แต่การทำงานของเกียร์อัตโนมัติก็ลื่นไหล ปรับเปลี่ยนเกียร์ตามจังหวะการขับขี่ได้รวดเร็ว


          โดยรวมแล้ว ความสนุกในการขับ เอ็มเอ็กซ์ 5 ก็คือ ความคล่องตัวของรถ และการปรับเปลี่ยนความเร็วไปมาได้อย่างรวดเร็ว จาการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ทันอกทันใจ และแน่นอนกับความนิ่งของตัวรถครับ


          ราคาจำหน่ายทั้งรุ่นหลังคาแข็ง และหลังคาผ้าใบ เท่ากัน คือ 2.89 ล้านบาท ก็เลือกเอาตามความชอบครับ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ