เรือนหรูคู่เทศกาลแห่งความรัก

         ฤดูกาลแห่งความรักใกล้จะมาถึงและถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการได้เฉลิมฉลองกับคู่รัก การได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักถือเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่าที่สุด จะมีอะไรดีไปกว่าการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ด้วยนาฬิกาสุดคลาสสิค ประเดิมที่ "ราโด" เปิดตัว “ราโด ไดมาสเตอร์ เซรามอส™” (Rado DiaMaster CeramosTM) สีโรสโกลด์ ถือเป็นของขวัญที่แทนการให้อันยั่งยืนด้วยรูปลักษณ์ที่เพรียวบาง สัมผัสที่แข็งแกร่งแต่แฝงด้วยความละมุน จากสุนทรียภาพด้านการออกแบบที่เรียบง่ายของ RADO จึงทำให้เกิดดีไซน์ที่โดดเด่นมีสไตล์ พร้อมด้วยโทนสีที่มอบความอบอุ่น

         ในฐานะที่ “ราโด” เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ จึงมอบคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายในได้มากกว่าที่เห็น เซรามอส (Ceramos) เป็นวัสดุใหม่ที่เป็นนวัตกรรมของสวิสที่นำเอาประโยชน์จากไฮเทคเซรามิกเพิ่มเติมด้วยความมีชีวิตชีวาของโลหะเพื่อให้ได้สัมผัสและรูปลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เซรามอส ของ ราโด เป็นการนำเซรามิกและโลหะมาผสมผสานกันเพื่อให้ได้วัสดุที่สมบูรณ์แบบที่สุด เปรียบเหมือนการที่คู่รักอยู่ร่วมกันในช่วงเวลาที่อบอวลไปด้วยความรักอย่างสมบูรณ์แบบ Ceramos มอบสัมผัสที่อบอุ่นให้ กับ DiaMaster ด้วยความแข็งแกร่งที่โดดเด่นพร้อมกับประกายสีโรสโกลด์อันเป็นเอกลักษณ์ มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับไฮเทคเซรามิกของ “ราโด” ซึ่งวัสดุชนิดนี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิของผิวหนังได้อย่างรวดเร็วจึงไม่ทำให้รู้สึกถึงความเย็นเมื่อสวมใส่ หรือ เหนอะหนะเมื่ออากาศร้อน

        และในปี 2019 “เพียเจต์” ยังคงเดินหน้าปฏิวัติและสร้างความตื่นเต้นให้กับแวดวงเครื่องบอกเวลาชั้นสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเผยโฉม 3 เรือนเวลา “อัลติพลาโน” (Altiplano) ล่าสุด ที่ผสานศาสตร์และศิลป์อันเชี่ยวชาญไว้อย่างครบครัน อาทิ "เพียเจต์ อัลติพลาโน" (G0A44076) ตัวเรือนไวท์โกลด์ ขนาด 36 มิลลิเมตร ที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจสุภาพสตรีผู้หลงใหลความคลาสสิค ขอบตัวเรือนประดับเพชรทรงบาแก็ตต์ มาพร้อมพื้นหน้าปัดโทนสีน้ำเงิน ไล่เฉดที่ชวนให้ระลึกถึงตัวตนของแบรนด์ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตกแต่งอย่างประณีตด้วยลวดลายรัศมีดวงอาทิตย์ ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือแบบบางพิเศษ 430P จับคู่เข้ากันกับสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน ผลิตจำกัดเพียง 88 เรือน

เพียเจต์ อัลติพลาโน (G0A44076)

         ต่อด้วย "เพียเจต์ อัลติพลาโน ตูร์บิญอง" (G0A44053) บนตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ ขนาด 41 มิลลิเมตร นอกจากจะรักษาองค์ประกอบเรื่องความเพรียวบางและความซับซ้อนของกลไกไว้อย่างครบครัน แบรนด์ยังหลอมรวมความงามอันวิจิตรของวัสดุหายาก อย่าง บลู มีทีออไรท์ หรือ หินอุกกาบาตสีน้ำเงินมาประดับเป็นพื้นหน้าปัดอีกด้วย ขอบตัวเรือนประดับเพชร พร้อมแสดงเวลาแบบสองเข็มที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกา โดดเด่นด้วยความน่าหลงใหลของจักรกลตูร์บิญองที่หมุนวนราวกับการโคจรของหมู่ดาวเคราะห์น้อยใหญ่ในระบบสุริยะที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือแบบบางพิเศษ 670P จับคู่สายหนังจระเข้สีน้ำเงิน ผลิตจำกัดเพียง 28 เรือนและ “เพียเจต์ อัลติพลาโน" (G0A44051) พื้นหน้าปัดหินอุกกาบาตสีเทา พร้อมอินเด็กซ์บอกเวลาพิ้งค์โกลด์จับคู่สายรัดข้อมือหนังจระเข้สีเทา ผลิตจำกัด 300 เรือน

โอเดอมาร์ ปิเกต์ คอลเลกชั่น CODE 11.59

        ไม่ได้เป็นเพียงเรือนเวลาที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อน หรือเป็นโมเดลที่เผยโฉมประจำปีเท่านั้น แต่นี่...คือการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของ “โอเดอมาร์ ปิเกต์” กับการเปิดตัวไลน์อัพใหม่อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอลเลกชั่นที่ชื่อว่า “CODE 11.59” โดยคำว่า “CODE” มาจากการนำตัวอักษรย่อของคำว่า Challenge, Own, Dare, Evolve ที่ล้วนแต่เป็นดีเอ็นเอหลักของแบรนด์มาเรียงใหม่จนเกิดเป็นรหัสที่สื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่ 11.59 คือเลขนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าสู่วันใหม่ ซึ่งเปรียบได้ดั่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำเกมอยู่หนึ่งก้าวเสมอ

         CODE 11.59 คอลเลกชั่นเรือนเวลาล่าสุด ผสานความหลากหลายด้านการออกแบบลงบนตัวเรือน กับดีไซน์หน้าปัดทรงกลมขนาด 41 มิลลิเมตร เมื่อพลิกไปด้านข้างจะพบกับซิกเนเจอร์แปดเหลี่ยมคุ้นตาซุกซ่อนอยู่บริเวณกึ่งกลาง ขาตัวเรือนด้านบนเป็นดีไซน์แบบฉลุที่ออกแบบให้รับกับขอบตัวเรือนบางพิเศษ ขณะที่ขาตัวเรือนด้านล่างปรับแต่งให้อยู่ในองศาที่รับกับข้อมือของผู้สวมใส่ ยิ่งไปกว่านั้นชิ้นส่วนต่างๆ ยังถูกตกแต่งด้วยหัตถศิลป์ขั้นสูง อาทิ การขัดแต่งซาติน ขัดเงา หรือแม้แต่การขัดแต่งพื้นผิวขอบตัวเรือนให้มีความโค้งเว้า ซึ่งปกติพบได้ทั่วไปในงานตกแต่งชิ้นส่วนกลไก นับเป็นการปฏิวัติการออกแบบเรือนเวลาครั้งสำคัญของโอเดอมาร์ ปิเกต์ อีกครั้งเลยก็ว่าได้ โดย คอลเลกชั่นนี้มีทั้งหมด 13 เวอร์ชั่น อาทิ Selfwinding Chronograph, Perpetual Calendar, Selfwinding Flying Tourbillon, Tourbillon Openworked และ Minute Repeater Supersonnerie