“นิสสัน ลีฟ” ยกระดับเทคโนฯ เพิ่มสมรรถนะขยายตลาดโลก

             พูดถึงลีฟ ก่อนหน้านี้ ช่วงปลายเดือนมกราคม ผมเดินทางไป เกาะเตเนริเฟ่ ในหมู่เกาะคานารี ของสเปน ที่อยู่ห่างแผ่นดินใหญ่สเปน 1,000 กม. แต่ใกล้ชายฝั่งแอฟริกาแค่ 100 กม.ก็ตาม เพื่อร่วมงานที่นิสสัน ยุโรป จัดขึ้น คือ “Nissan Electric Ecosystem Experience” ซึ่งที่นี่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวสิ่งใหม่ๆ ที่จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอย่างพลังงานไฟฟ้า

              ทางนิสสันบอกว่า ลีฟ เจนเนอเรชัน 2 พัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมอย่างมาก รวมถึงคุณสมบัติของแบตเตอรี่ที่มีพลังงานไฟฟ้าเพิ่มจาก 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็น 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง นั่นหมายถึงจะสามารถใช้งานได้ไกลขึ้น โดยลีฟเป็นรถรุ่นแรกที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานรถน้ำหนักเบาระดับโลก หรือ WLTP สามารถเดินทางได้ 270 กม. ในการทดสอบการขับขี่แบบผสมผสานในเมืองและนอกเมือง และ 415 กม. สำหรับการขับขี่ในเมืองต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นการใช้งานที่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนเมืองที่โดยเฉลี่ยประมาณ 40 กม./วันเท่านั้น หรืออย่างมากก็ไม่เกิน 80 กม. ซึ่งก็ทำให้ไม่จำเป็นต้องหาที่ชาร์จนอกบ้านแต่อย่างใด และเป็นผลให้นับตั้งแต่เปิดตัวในยุโรป 90 วัน ลีฟใหม่มียอดจองกว่า 12,000 คัน

           นิสสันลีฟ เจนเนอเรชัน 2 มีขนาดความยาวตัวถัง 4.49 เมตร กว้าง 1.79 เมตร สูง 1.54 เมตร และระยะฐานล้อ 2.70 เมตร ไฟหน้ารูปทรงบูมเมอแรง ที่คุ้นเคยของนิสสันยุคหลังๆ กระจังหน้าเป็นแบบ วี-โมชันตกแต่งด้วยสีน้ำเงินหลายส่วนบนกระจังหน้าและคิ้วกันชนหลัง เพื่อเป็นการสื่อถึงการเป็นรถพลังงานไฟฟ้า และ ซีโร่ อิมิสชัน

            ลีฟ ใหม่มีให้ลูกค้าได้เลือกถึง 10 สี คือ Arctic Solid White, Solid Red, Bronze Metallic, Gun Metallic, Spring Cloud, Blade Silver, Magnetic Red, Pearl White, Metallic Black และสีทูโทน Pearl White body และ Metallic Black Roof มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด110 กิโลวัตต์แรงบิด 320 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.9 วินาที

            ส่วนการชาร์จนั้น หากชาร์จแบบเร็ว (50 กิโลวัตต์)จากระยะแจ้งเตือนจนถึงระดับ 80% ใช้เวลา 40-60 นาทีการชาร์จไฟวอลล์บ็อกซ์7 กิโลวัตต์ ตั้งแต่แจ้งเตือนถึง 100% ใช้เวลา 7.5 ชั่วโมง

           ลีฟ ติดตั้งระบบความปลอดภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น โดยมีทั้งถุงลม 6 ตำแหน่ง ที่คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย ติดตั้งจุดเชื่อมต่อเบาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (BA) ระบบช่วยออกตัวเมื่อขึ้นทางลาดชัน (HSA) การตรวจจับสัญญาณจราจร

             นอกจากนี้ บางรุ่นยังมีระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตาระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและจักรยานระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ระบบควบคุมตัวรถให้อยู่ในช่องเดินรถอัจฉริยะ และระบบแจ้งเตือนการจราจรกีดขวางด้านหลัง

            นิสสัน บอกว่าลีฟ ใหม่สะท้อนแนวคิดนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้จะเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ขับขี่ใหม่ทั้งหมดเพื่อการเดินทางของผู้คนด้วยความสนุกสนาน มั่นใจ และเชื่อมต่อกับโลกได้รอบด้าน โดยที่กระบวนการพัฒนากำหนดเสาหลัก 3 ด้าน เริ่มจาก 1.อินเทลลิเจนท์ เพาเวอร์ ที่นอกจากพลังงานไฟฟ้าเพิ่ม 40 กิโลวัตต์ชั่วโมงแล้ว ยังพัฒนาให้มอเตอร์มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 2.อินเทลลิเจนท์ ไดรฟ์วิ่ง ยกระดับความมั่นใจในการขับขี่และความปลอดภัย พร้อมลดความตึงเครียด และ 3.นิสสัน อินเทลลิเจนท์ อินทิเกรชั่น การเชื่อมโยงระหว่างรถยนต์กับสังคมที่กว้างขวางมากขึ้นผ่านการเชื่อมต่อและโครงข่ายไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีการชาร์จไฟ 2 ทิศทาง หมายถึงไม่ได้เป็นฝ่ายรับไฟอย่างเดียว แต่สามารถจ่ายไฟกลับให้แก่บ้านหรือชุมชนได้ด้วย

            นิสสันยังเคยนำลีฟไปเป็นแหล่งกำเนิดไฟในสนามฟุตบอล และได้ของแถมกลับมาคือกองเชียร์ฝ่ายแพ้ก่อเรื่องจลาจล และ ลีฟ ถูกเผา แต่อาจจะกลายเป็นเรื่องดี เพราะนิสสันยกแบตเตอรี่ที่ไม่เส่ียหายออกจากซากรถไปใส่ในรถคันใหม่ ปรากฏว่ามันยังใช้งานได้ เป็นการยืนยันถึงความปลอดภัย รวมถึงการทดสอบทิ้งลงจากที่สูงก็ทำมาแล้ว และยืนยันได้ถึงความปลอดภัยในการใช้งานเช่นกัน

          นิสสันบอกว่า ส่วนความสามารถในการใช้งานนั้น ตัวแปรเรื่องของอากาศที่ร้อนไม่มีผลมากนัก อากาศที่หนาวเย็นจัดมีผลกระทบมากกว่า ขณะที่อายุใช้งานมั่นใจว่ายาวนาน โดยบริษัทรับประกันให้ลูกค้า 8 ปี และหลังจากนั้นหากแบตเตอรี่เสื่่อมสภาพ ก็จะนำมาปรับปรุงเพื่อทำเป็น xStorage หรือเครื่องประจุไฟในบ้านแทน รองรับบ้านหรืออาคารที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์จะได้มีไฟฟ้าไว้ใช้งาน นอกจากนี้ยังริเริ่มโครงการทดลองในแอฟริกาที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึงด้วยการนำ xStorage ไปติดตั้งให้แก่ผู้คนที่นั่นได้เก็บไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์เอาไว้ใช้และไม่ว่าจะเป็น xStorage หรือว่าเป็นนิสสัน ลีฟ หากใครจะเลือกชาร์จไฟในช่วงราคาถูก แล้วเอาไว้ใช้ในช่วงราคาไฟแพงก็ทำได้เช่นกัน

ถือว่าเป็นพัฒนาการ ยกระดับเทคโนโลยี เพื่อที่จะลดข้อจำกัดหลายๆ อย่างในการใช้งาน เพื่อให้ลีฟ สามารถขยายตลาดโลกได้อย่างเป็นล่ำเป็นสันมากขึ้นครับ