Lifestyle

'แมงป่องช้าง'ลงทุนน้อย-ตลาดรับไม่อั้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'แมงป่องช้าง' สัตว์เศรษฐกิจ ลงทุนน้อย-ตลาดรับไม่อั้น : โดย...กวินทรา ใจซื่อ

 

                          แมงป่องช้าง เป็นแมงที่คนรุ่นก่อน โดยเฉพาะในภาคอีสานนิยมนำมาบริโภค ด้วยนำมาย่างทำเป็นน้ำพริกจิ้มกินกับผัก คล้ายน้ำพริกแมงดา จากข้อมูลพบว่าแมงป่องช้างมีโปรตีนสูงจำพวกเดียวกับหนอนไหม ปัจจุบันด้วยจำนวนแมงป่องช้างในธรรมชาติที่ลดน้อยลงเนื่องจากป่าถูกทำลาย ที่เห็นวางขายตามแผงขายแมลงทอดทั้งหมด ล้วนนำเข้าจากประเทศกัมพูชา ทำให้มีราคาขายสูงถึงตัวละ 20 บาท

                          การลดลงของแมงป่องช้างทำให้ นายนพดล ภูมาลัย เจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.ขอนแก่น (ผึ้ง) ทดลองเพาะเลี้ยงแมงป่องช้างเพื่อเศรษฐกิจ โดยเริ่มต้นงานวิจัยและทดลองเลี้ยงเมื่อปี 2536 ทำให้มีข้อมูลด้านการคุ้มทุน ความน่าสนใจ หากเกษตรกรต้องการเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม

                          “ตลอด 20 ปีที่มีการศึกษาวิจัยการเลี้ยงแมงป่องถือเป็นสัตว์ที่เลี้ยงยาก ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงหลังผสมพันธุ์และหลังออกลูก ตัวเมียจะกินตัวผู้และกินลูกตัวเอง ทำให้อัตราการรอดเหลือไม่ถึงร้อยละ 50 ได้ผลผลิตเพียงปีละครั้ง หากมองในแง่เศรษฐกิจถือว่าเป็นการเลี้ยงที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมีตลาดรองรับมาก และความต้องการของตลาดก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทว่า เกษตรกรต้องเอาจริงเอาจัง คิดว่าทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอาศัยใจรักและความอดทน” นพดล แจง

                          โดยการเลี้ยงแมงป่องช้าง ต้องเริ่มจากรวบรวมพ่อแม่พันธุ์โดยให้สังเกตจากลำตัว ตัวผู้จะมีลักษณะเรียว หางยาวและก้ามใหญ่ แถบข้างลำตัวสีขาวอมเทา เมื่อถูกบุกรุกจะชูก้าม ชูหางข่มคู่ต่อสู้ ส่วนตัวเมียส่วนท้องจะอ้วนและโตกว่า แถบข้างลำตัวสีขาวอมเทา จะสงบเสงี่ยมเมื่อถูกรุกราน มีนิสัยหากินช่วงกลางคืน กลางวันจะหลบซ่อนตัว ชอบอากาศร้อนชื้นที่อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส

                          การเลี้ยงต้องเลี้ยงในที่ร่ม ใช้บ่อปูนขนาด 80 เซนติเมตร ในบ่อให้ใส่ดินหนา 10 เซนติเมตร และใบไม้แห้ง เพื่อใช้หลบซ่อนตัวในเวลากลางวัน หลังจากให้อาหารใช้ตาข่ายปิดรอบปากบ่อรัดให้แน่น ส่วนการปล่อยพ่อแม่พันธุ์ในอัตรา 1 ต่อ 1 บ่อละ 40-50 ตัว ให้อาหารช่วงเย็นวันเว้นวัน จำพวกสัตว์เล็กๆ เช่น แมงมุม ตั๊กแตน ปลวก จิ้งหรีด ต้องมีน้ำวางไว้ในบ่อให้กินตลอด ต้องใส่ก้อนหินไว้ให้ด้วยเพื่อป้องกันแมงป่องจมน้ำ ช่วงเมษายนต้องแยกตัวเมียออกไปเลี้ยงลำพังเพื่อเตรียมออกลูก ซึ่งจะออกครั้งละ 7-29 ตัว ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของแม่

                          ช่วง 15 วันแรก ลูกแมงป่องจะมีสีขาว ขนยาว อาศัยบนหลังแม่ตลอด ไม่กินอาหาร ระหว่างนี้จะลอกคราบ 1 ครั้ง จากนั้นจะเริ่มลงจากหลังแม่หากินใกล้แม่ และเริ่มแยกตัวหากินลำพัง จนอายุครบ 1 เดือน ต้องแยกแม่ออกป้องกันแม่กินลูก แล้วนำลูกมาเลี้ยงอนุบาลรวมกันอายุ 8 เดือน หรือ 1 ปี จึงจะจับขายได้

                          “หากต้องการเลี้ยงเป็นอาชีพจะต้องมีพ่อแม่พันธุ์ 1,000 คู่ ขึ้นไป ส่วนพื้นที่เพาะเลี้ยงได้ทดลองปรับจากบ่อซีเมนต์ เป็นเพาะเลี้ยงในปี๊บ เลี้ยงได้เช่นกัน อาจทำเป็นปี๊บคอนโดซ้อนกัน ช่วยประหยัดพื้นที่ ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่น่าสนใจ เพราะตลาดมีความต้องการมาก ดูได้จากมีพ่อค้าแม่ค้าฝั่งไทยไปรับซื้อที่ตลาดโรงเกลือเพื่อนำมาขายต่อ เพราะฝั่งประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีแมงป่องตามธรรมชาติให้จับอยู่มาก ทว่า ในบ้านเรายังไม่มีเกษตรกรเลี้ยงอย่างจริงจัง แต่หากต้องการเลี้ยงก็ไม่ยาก ลงทุนไม่มาก อาหารไม่เปลือง เป็นอาชีพที่น่าสนใจทีเดียว” นพดล กล่าว

                          พร้อมฝากถึงเกษตรกร ประชาชนที่สนใจศึกษาการเลี้ยงแมงป่องช้าง สอบถามรายละเอียดหรือเข้าไปดูการเลี้ยงได้ที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.ขอนแก่น (ผึ้ง) โทร.0-4325-5066, 0-4325-5066 ได้ในวันและเวลาราชการ

 

 

--------------------

('แมงป่องช้าง' สัตว์เศรษฐกิจ ลงทุนน้อย-ตลาดรับไม่อั้น : โดย...กวินทรา ใจซื่อ)

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ