290 ที่นั่ง 'ทักษิณโพลล์' กวาดที่นั่งในสภาฯ

ที่มา นสพ.กรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์ : รักแผ่นดิน โดย ฅนไท

ปกติถ้าโพลล์ที่ประเมินความจริงว่าพรรคตนและเครือข่าวตนจะได้คะแนนเท่าใดจะเป็นโพลล์ลับ เก็บเงียบเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ล่วงรู้และปรับกลยุทธ์ได้ทัน และเก็บไว้เพื่อปรับปรุงการทำงาน แต่จู่ ๆ คนในเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร กลับออกข่าวเปิด ทักษิณโพลล์ที่อ้างว่าไปว่า จ้างฝรั่งหัวแดง จากสหรัฐอเมริกา มาทำโพลล์เพื่อสร้่างความน่าเชื่อถือ

เหตุผลการเปิดโพลล์ ของทักษิณ ชินวัตร ครั้งนี้ที่อ้างว่า พรรคมีเครือข่าย ทั้ง เพื่อไทย เพื่อธรรม ไทยรักษาชาติ และ ประชาชาติ จะกวาดเสียง 58 เปอร์เซ็นต์ หรือได้ 290 ที่นั่ง และมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลดัน “ทายาทอสูร” ขึ้นนั่งนายกรัฐมนตรีคนต่อ ไป โดยประเมินว่าพรรคใหม่อย่าง อนาคตใหม่ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พลังประชารัฐของ 4 รัฐมนตรี หรือพรรคลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ  “ไม่ปัง”กลายเป็นพรรคต่ำสิบ

ไม่มีทางวิเคราะห์เป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเป็นการออกข่าว “ปั่นกระแส”เพื่อหวังหยุด “เลือดไหล” ที่ขณะนี้บรรดาอดีตสส.เพื่อไทย และเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร กำลังทยอยลาออก ก่อน 26 พฤศจิกายน 2561 เพื่อความปลอดภัยในการมีพรรคสังกัดหากต้องมีการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 จริง (เพราะคนลงสส.ต้องมีพรรคสังกัดภายใน 90 วัน ก่อนการเลือกตั้ง) เป้าหมายเพื่อรั้งให้อดีตสส.อยู่กับพรรคในเครือข่ายจึงเป็นวัตถุประสงค์หลัก

หลังจากเกทับด้วย “กระสุน”สนับสนุนไม่เป็นผล เพราะเมื่อการเมืองเปิด บรรยากาศดูดสส.เข้าพรรคการเกทับเรื่อง “กระสุน”มีทุกพรรค เห็นข่าวอดีสส.ทยอยเข้าพรรค ทั้ง ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ แม้กระทั่งพรรคลุงกำนัน แค่นี้ ทักษิณ ชินวัตร ก็ “หนาว”ต้องงัดมุข “โพลล์”สู้

ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร ใช้การวิเคราะห์ของตัวเองว่า พรรคในเครือข่ายจะได้ สส.300 ที่นั่ง แต่กลับหยุด “เลือดไหลไม่ แม้ให้สองขุนพลฝ่ายซ้ายคิดสูตรกวาดคะแนน 70 เปอร์เซ็นต์ในทุกเขตเลือกตั้ง ผลออกมาได้ 350 ที่นั่ง กันผิดพลาด 50 ที่นั่ง (ในภาคใต้) ก็เหลือ 300 ที่นั่ง ก็หามีใครเชื่อไม่ สุดท้ายใช้ “โพลล์เทียม”หวังหยุดเลือดไหล

ต้องบอกว่าการเมืองไม่ได้เล่นด้วยคนเดียวหรือพรรคเดียว ทุกพรรคมีมือ มีเท้า มีอาวุธเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าได้เท่าใดจนกว่าประชาชนจะตัดสิน

เลิกปั่นกระแส หลอกคนเถอะ!  หันมาคิดว่าจะนำเสนอนโยบายที่ดี และตัวแทนพรรคที่มีคุณภาพให้ประชาชนตัดสินใจจะดีกว่า การเมืองไม่ใช่ตลาดหุ้น ที่จะคุ้นชินกับการ “ปั่นหุ้น”