Lifestyle

อย่าดำน้ำวิจารณ์จนออกทะเลกรณีการสร้างเครื่องรางพะยูน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  ตามรอย...ตำนานแผ่นดิน   โดย...  บายไลน์ เอก อัคคี (facebook.com/ake.akeakkee) 

 

 

 


          กลายเป็นประเด็นข่าวฮือฮาไปทั่วบ้านทั่วเมือง จากกระแสในโลกโซเชียลมีเดีย สุดท้ายก็ลามออกสู่หน้าจอโทรทัศน์ จากกรณีที่นายปิยภัทร สุดศิริ หรือ เณรดอย (นามแฝงของเขา) ซึ่งทุกวันนี้เขาไม่ใช่สามเณร เป็นเพียงฆราวาสผู้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์ทางภาคใต้ เปิดสำนักสักยันต์อยู่ที่บ้านนาท่ามใต้ จังหวัดตรัง ได้ทำเครื่องรางของขลังเป็นตัวพะยูนโลหะขึ้นมา

 

 

          ซึ่งเขายืนยันว่า ได้ดำเนินงานจัดสร้างมาตั้งแต่เดือนมิถุยายน ก่อนจะมีพะยูนที่มนุษย์ตั้งชื่อให้ว่า “มาเรียม” ตายเพราะกินขยะพลาสติกเสียอีก และพะยูนเป็นสัญลักษณ์เมืองตรังบ้านเขา ที่สำคัญ เณรดอยไม่ได้ฆ่าพะยูนเพื่อเอาเนื้อหนังมังสามาทำเครื่องรางของขลังขาย


          ฉะนั้นทำไมต้องสวดด่าผ่านหน้าจอโทรทัศน์ทั้งที่เขายังไม่ตาย เพราะการวิจารณ์แบบนี้


          มันเหมือนฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น !!

 

 

 

อย่าดำน้ำวิจารณ์จนออกทะเลกรณีการสร้างเครื่องรางพะยูน

บางส่วนของเครื่องรางรูปสัตว์ของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในอดีต

 


          เพราะปรากฏว่า มีการปั่นกระแสข่าวออกมาให้กลายเป็นประเด็นโจมตีว่า เณรดอยกำลังหากินกับความตายของพะยูน ด้วยการสร้างเป็นวัตถุมงคลแล้วนำไปปลุกเสกเพื่อเพิ่มความขลัง ด้านเมตตามหานิยม และการค้าขาย โดยมีการจัดทำเป็นเนื้อเงิน 81 ตัว และเนื้อทอง 2,000 ตัว ปรากฏว่า ทั้งสื่อทั้งสงฆ์บางรูปออกมาเสี้ยมข่าวถล่มกันใหญ่


          ทั้งๆ ที่เรื่องไม่เป็นเรื่อง !


          บอกตรงๆ ว่าผมอ่านข่าวนี้แล้วไม่สบายใจอย่างแรง เพราะรู้สึกว่า สังคมไทยเรากำลังหลงประเด็นและสื่อมวลชนเองก็หลงทางในการนำเสนอ เพราะต้องการเพียงแค่เรตติ้งเท่านั้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า บางประเด็นนั้นเป็นการสร้างกระแสแล้วก็หาคู่ชกบนหน้าจอเพื่อเรียกคนดู ไม่ได้เป็นสาระแก่นสารอะไรที่แท้จริง


          ผมเองก็เคยไปออกโทรทัศน์รายการหนึ่งว่าด้วยประเด็นความเชื่อในเครื่องรางของขลัง คู่กับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ชอบออกทีวี วิจารณ์ทุกเรื่อง ตั้งแต่การเมือง การมุ้ง ความเชื่อ ความศรัทธาของผู้คนในสังคม ทั้งที่บางเรื่องบางกรณี ไม่ใช่กิจของสงฆ์ !?




          สื่อมวลชนเองก็รู้ทั้งรู้ว่า บางเรื่องไม่เกี่ยวอะไรกับพระสงฆ์องค์เจ้า แต่ก็ชอบไปเรียนถามความเห็นท่านจังและท่านก็ชอบตอบจัง สงสัยว่าท่านจะรู้ว่าตอบแล้วจะกลายเป็นข่าว จะกลายเป็นกระแสสร้างชื่อ ซึ่งอย่างที่บอกว่า ท่านกับผมเคยไปออกโทรทัศน์ด้วยกัน แต่มองกันคนละมุม ซึ่งท่านก็รู้ว่า เราต้องคนละมุมอยู่แล้ว ท่านก็ว่าของท่านไป ผมก็ใส่ของผมไป รายการจบก็รับซองแล้วแยกย้ายกันกลับ !!


.......................


          แต่ผมก็ยืนยันทั้งในรายการและนอกรายการนั้นว่า เรื่องบางเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับกิจของสงฆ์ แต่ทำไมท่านชอบพูดจังในบางเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง แต่บางเรื่องที่ควรเป็นเรื่องท่านกลับเงียบไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ให้เละไปเลยอย่างเช่น กรณีที่วัดซึ่งท่านจำพรรษาอยู่ก็ยังเต็มไปด้วยการชวนญาติโยมทำบุญสะเดาะเคราะห์ นอนโลงศพทำบังสุกุลเป็นบังสุกุลตาย, เปิดแผงขายปลาหมอ ปลาไหล, ขายหอยขายเต่า ให้คนไปปล่อยกัน ทั้งๆ ที่รู้ว่า ปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัดมันก็ตายเพราะผิดน้ำ...เอาเต่านาไปปล่อยลงแม่น้ำ...ผมก็ถามท่านตรงๆ ทำไมท่านไม่ด่า-ท่านก็ได้แต่หัวเราะแต่ไม่ตอบ !


          เรื่องแบบนั้นผมว่าน่าจะวิพากษ์วิจารณ์และชวนให้ผู้คนในสังคมไปสังคายนามากกว่าจะมานั่งออกโทรทัศน์วิจารณ์ว่า คนไทยกำลังงมงายกับเครื่องรางพะยูน ยิ่งท่านออกมาให้สัมภาษณ์ฆ่าเณรดอยทั้งเป็นว่า


          “อยากจะถามคนที่คิดนำลูกพะยูนที่ตายอย่างน่าเห็นใจ มาทำเป็นวัตถุมงคลว่า มีความละอายบ้างหรือไม่ มาเรียมตายเพราะความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ เพราะกินขยะพลาสติกเข้าไป การที่นำเขามาทำแบบนี้ ถือเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว คนที่มีจิตสำนึกจริงๆ ต้องมีความละอายใจบ้าง

 

 

 

อย่าดำน้ำวิจารณ์จนออกทะเลกรณีการสร้างเครื่องรางพะยูน

 


          ซึ่งที่จริงควรจะหันกลับมาตระหนักและเห็นคุณค่าของการรักษาชีวิตสัตว์อื่นๆ ที่ใกล้สูญพันธุ์ ไม่ใช่เอาความตายของเขามาทำเป็นวัตถุมงคล คนที่สร้างก็เลอะเทอะมากพออยู่แล้ว ส่วนคนที่เชื่อและบูชาก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดด้วย โดยการนำมาเรียมมาทำเป็นสัญลักษณ์ ควรเป็นสัญลักษณ์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ว่าควรมีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกอื่นๆ ไม่ใช่เอามาห้อยคอแล้วคิดว่าพะยูนจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องที่เลอะเทอะหลุดโลก”


          ทั้งๆ ที่เณรดอย เขาทำงานนี้มาก่อน


          แต่ท่านไม่หาข้อมูลข้อเท็จจริงก่อน---พอไมค์จ่อปากก็จ้อเลย !!


......................


          งั้นการที่ หลวงพ่อสำรวย อดีตเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค สร้างเครื่องรางล็อกเกตแมวตาเพชร, หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย สร้างเสือแกะมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕, หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก สร้างแพะ, หลวงพ่อสุ่น สร้างลิงแกะ, หลวงพ่อรวย สร้างไก่, หลวงพ่อเดิม สร้างสิงห์งาแกะ ฯลฯ


          ท่านช่วยออกทีวีบอกคนในสังคมไทยอีกทีสิว่า


          เครื่องรางของขลังที่ครูบาอาจารย์ท่านสร้างทำมันเป็นเรื่องเลอะเทอะหลุดโลก ?


          ที่สำคัญ พระอริยสงฆ์ที่ผมยกตัวอย่างมา ท่านเป็นพระสงฆ์นะครับ ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่เรียนวิชาอาคมแบบเณรดอย ซึ่งผมว่า การที่เณรดอยสร้างเครื่องรางมันก็ไม่ใช่เรื่องของสงฆ์ ไม่ใช่กิจของสงฆ์เลยแม้แต่น้อย และการที่ผมออกมาแสดงทรรศนะในครั้งนี้ก็ด้วยความเป็นห่วงว่า ท่านกำลังตกเป็นเครื่องมือของสื่อที่ยืมปากท่านมาปั่นเรตติ้งมากกว่าครับ---ผมเป็นห่วงจริงๆ นะ


          เพราะเครื่องรางของขลังมันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของคนกลุ่มหนึ่งที่เขาเชื่อมั่นศรัทธาและอยากได้ไว้เป็นของที่ระลึก และผมก็ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตรงไหนที่เณรดอยใช้ชื่อว่า เครื่องรางพะยูนมาเรียม ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เครื่องรางที่เขาจัดสร้างกันมาก่อนที่จะเกิดข่าวพะยูนมาเรียมตาย

 

 

 

อย่าดำน้ำวิจารณ์จนออกทะเลกรณีการสร้างเครื่องรางพะยูน

 


          เพราะฉะนั้น ถ้าใครคิดว่า เป็นสงฆ์แล้วจะพูดอะไรก็ได้ จะด่าจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ได้ในสังคมนี้ในบ้านนี้เมืองนี้ ผมว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องเสมอไป เพราะการดำน้ำวิจารณ์ไปออกทะเลไปเรื่อยเปื่อยจนไม่เห็นฝั่งอย่างกรณีเครื่องรางพะยูน เดี๋ยวจะกลายเป็นเหมือนกรณีที่มีพระรูปหนึ่งไปวิพากษ์วิจารณ์ละครโทรทัศน์เรื่อง “บางระจัน” เมื่อปี 2558 แล้วลามปามวิจารณ์อย่างสนุกปาก จนชาวเมืองสิงห์บุรี ออกมาโวย ต้องขอโทษโยมวุ่นวายไปหมดเล่นเอาเสียพระไปเลย


          ผมว่า ถ้าขืนยังขยันวิจารณ์ไปเสียทุกเรื่อง ไม่เอาเวลาไปสวดมนต์ นานไปมันจะเสื่อมเอานะท่าน !
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ