Lifestyle

เปิด 5 กฎเหล็กสำนักเขาอ้อ ใครเป็นศิษย์ต้องยึดถือจนวันตาย!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิด 5 กฎเหล็กสำนักเขาอ้อ ใครเป็นศิษย์ต้องยึดถือจนวันตาย! : คอลัมน์...  ตามรอยตำนานแผ่นดิน  โดย...  เอก อัคคี 

 

          เรื่องราวของสำนักตักศิลามหาเวทวัดเขาอ้อ เมืองพัทลุงนั้น ไม่เคยขาดหายไปจากการรับรู้ของสังคมไทย เพราะที่นี่คือแหล่งรวมสรรพวิชาไสยศาสตร์ไสยเวทที่ยาวนาน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆ มานานนับพันปี แต่คนไทยในวงกว้างยุคใหม่คงคุ้นตากันมากขึ้น เพราะภาพยนตร์เรื่อง ‘ขุนพันธ์2’ ฮือฮามาก เรียกว่า เป็นภาพยนตร์ไทยที่กลับมาชุบชีวิตคนทำหนัง-คนดูหนัง อีกครั้ง!?!

          เพราะสร้างจากประวัติอันฉกรรจ์ของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่อาจจะผ่านสายตาคุณผู้อ่านไปแล้วมากมายจากสื่อหลายแขนง แต่อาจจะสงสัยว่าทำไมท่านจึงเก่งกาจสามารถนำลูกน้องผู้บังคับบัญชาเข้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับโจรเหี้ยมเป็นคนแรกเสมอ หรือใช้วิธีลุยเข้าแลกกับคนร้ายชนิดตัวต่อตัว แม้ผู้ร้ายคนนั้นจะมีอาคมหนังเหนียวมากปานใด ก็ไม่อาจทำอะไรขุนพันธ์ได้

          และในภาพยนตร์ภาค 2 ของเรื่องนี้ โชว์ให้เห็นจะจะว่า เบื้องหลังความเหนียวและเชี่ยวอาคมกล้าของนายตำรวจมือปราบคือการลงแช่ว่านรางยา กินเหนียวกินมันในถ้ำฉัททันต์บรรพตในเขาอ้อแห่งนี้นี่เอง

          แต่ในจอคือการแสดง เพราะพระเอกหนุ่มอนันดา ลงแช่ว่านในถ้ำนั้น เป็นถ้ำที่เซตขึ้นมาเพื่อการถ่ายทำหนัง ไม่ใช่ถ้ำฉัททันต์บรรพต สถานที่จริง แต่ผมเองนั้นเคยลงแช่ว่านรางยาในรางจริง กลางถ้ำฉัททันต์บรรพตมาแล้ว

          แต่ผมไม่ขอยืนยันว่าเป็นรางเดียวกับเหล่าศิษย์รุ่นครูบาอาจารย์ ของสำนักหรือไม่ เพราะทราบมาว่าในอดีตการแช่ว่านในถ้ำนั้น ยุ่งยากลำบากมาก เพราะพื้นถ้ำไม่ราบเรียบเหมือนทุกวัน ต้องเอาลำเรือมาวางแทนรางยา แล้วลงไปนอนแช่น้ำว่าน

 

 

เปิด 5 กฎเหล็กสำนักเขาอ้อ ใครเป็นศิษย์ต้องยึดถือจนวันตาย!

 

          ส่วนรางยาที่ผมลงไปนอนแช่ว่าน ถูกสร้างขึ้นในสมัยพ่อท่านกลั่น เป็นเจ้าอาวาส แต่จุดที่สร้างเชื่อกันว่า เป็นตำแหน่งเดิมที่วางลำเรือ ซึ่งอยู่ด้านหลังของรูปปั้นพระอาจารย์ทองในถ้ำ 1 ใน 13 ปรมาจารย์ของสำนักตักศิลามหาเวทแห่งนี้ เพราะช่วงปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในถ้ำ ท่านอาจารย์ขุนพันธ์ยังมีชีวิตอยู่และท่านสนิทสนมกับพ่อท่านกลั่นมาก คงจะให้คำชี้แนะหรือให้คำปรึกษา รวมไปถึงชี้ตำแหน่งการวางรางยาแช่ว่านในสมัยก่อนได้อย่างชัดเจนแน่นอน เพราะท่านขุนก็เคยแช่ว่านรางยาในถ้ำฉัททันต์บรรพตมาแล้ว ในถ้ำฉัททันต์นี้ เป็นที่รู้กันว่า แรง เป็นที่สถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงจิตของบูรพาจารย์ ที่ไม่เคยมีวันสูญสลาย

          ใครจะไปทำอะไรมั่วๆ ไม่ได้ครับ !

          วัด “เขาอ้อ” เป็นชื่อของสำนักไสยศาสตร์ที่รุ่งเรืองมาแต่โบราณ วิชาไสยศาสตร์ของเขาอ้อมีผู้ถ่ายทอดและสืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย ความยิ่งใหญ่ของเขาอ้อและความเป็นหนึ่งในด้านกฤตยาคมของเกจิอาจารย์แห่งสำนักเลื่องลือข้ามกาลเวลา ในอดีตศิษย์เขาอ้อมีทั้งเชื้อพระวงศ์ในราชสำนักโบราณ นักรบ นักปกครอง ตำรวจมือปราบ หรือแม้เเต่เสือร้ายที่อยู่ยงคงกระพัน ล้วนแล้วแต่ผ่านการลงรางแช่ว่านกันมาทั้งนั้น

          เพราะถ้าเป็นศิษย์เขาอ้อของจริง ตัวจริงต้องผ่านพิธีกรรมการนอนแช่ว่านยาศักดิ์สิทธิ์ในรางแช่ในถ้ำฉัททันต์ด้วยกันทั้งสิ้น จนทำให้เนื้อหนังมังสาแกร่งกล้าในวิชาอาคม สามารถรับคมดาบและหัวกระสุนเหล็กกล้าได้อย่างอัศจรรย์ !

 

เปิด 5 กฎเหล็กสำนักเขาอ้อ ใครเป็นศิษย์ต้องยึดถือจนวันตาย!

 

          จนสำนักเขาอ้อได้รับการยกย่องว่ามีวิชาเเพทย์โบราณอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในยุคที่ชาวบ้านไม่มีเเพทย์อย่างเช่นทุกวันนี้ และเมื่อครั้งที่ขุนพันธรักษ์ราชเดชขึ้นไปเป็นรองผู้อำนวยการปราบเสือร้ายภาคกลาง ได้มีการใช้ยาสมุนไพรจากสูตรสำนักเขาอ้อเมื่ออยู่กลางป่าออกติดตามเหล่าร้าย ขาดเสบียงอาหารก็ได้สมุนไพรกัดกินตามผู้ร้ายได้นานเกือบเดือน โดยไม่ต้องกินข้าวเลยเเม้เเต่เมล็ดเดียว

          ส่วนความเจริญของสำนักเขาอ้อโด่งดังจากปรมาจารย์อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงสืบเนื่องกันมายาวนานเช่น พระอาจารย์ทองในถ้ำ พระอาจารย์ทองหน้าถ้ำ พระอาจารย์ทองหูยาน สมเด็จเจ้าจอมทอง พระอาจารย์ทองเฒ่า, พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม และศิษย์เอกของปรมาจารย์เจ้าอาวาสคนสุดท้ายของสำนักที่ยังเป็นเจ้าพิธีกรรมให้สำนักวัดเขาอ้อก็คือ อาจารย์เปลี่ยน หัทยานนท์ นี่เอง

          จึงเป็นที่มาของคำเรียกขานท่านว่า ฆราวาสอาวุโสสูงสุดของสำนักเขาอ้อ เพราะวันนี้ท่านอายุ 82 ปีแล้ว แต่ความจำยังเป็นเลิศและสามารถประกอบพิธีกรรมต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์

          และด้วยเหตุนี้ศิษย์สำนักเขาอ้อในอดีตจึงมีความรู้เก่งกล้าสามารถด้วยไสยศาสตร์ และต่างก็เเยกตัวออกไปตั้งสำนักเป็นสาขามากมายหลายสำนักในจังหวัดพัทลุง และจังหวัดอื่นทั่วภาคใต้เพื่อช่วยเหลือผู้คน

          สำนักเขาอ้อมีหลักคุณธรรมที่ศิษย์ทุกคนต้องยึดถือที่ถือเป็นกฎเหล็ก ซึ่งพ่อครูเปลี่ยน หัทยานนท์ บอกว่า ศิษย์ทุกคนต้องยึดถือไปจนวันตายและต้องปฏิบัติสืบไปอย่างมั่นคงแล้วความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์จะบังเกิด
          1.ต้องไม่เป็นผู้อวดตัวหรือโอ้อวดอ้างตน
          2.ต้องไม่ใช้วิชาที่รับไป เพื่อใช้ข่มเหงผู้อื่น
          3.ต้องมีความกตัญญูรู้คุณ และรักผู้อื่น
          4.ต้องมีจิตใจเมตตากรุณาแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
          5.ต้องมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

 

เปิด 5 กฎเหล็กสำนักเขาอ้อ ใครเป็นศิษย์ต้องยึดถือจนวันตาย!

 

          ส่วนเคล็ดวิชา ถ้าไม่อยากให้อาคมเสื่อมวิชาสูญคือ ห้ามผิดศีลข้อกาเมฯ

          และในยามที่ประเทศชาติมีภัยหรือคับขัน จะต้องยอมถวายตัวเป็นราชพลีแก่พระเจ้าแผ่นดินและประเทศชาติ ในอดีตนั้นศิษย์สำนักเขาอ้อจะต้องเป็นผู้กล้าหาญเด็ดเดี่ยวและยึดมั่นในสัจธรรมด้วยชีวิต ทุกคนที่ไปสู่สำนักเขาอ้อย่อมมีความเท่าเทียมกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกเจ้าเมือง นักรบ หรือลูกหลานชาวบ้านธรรมดาสามัญ

          เมื่ออาจารย์เจ้าอาวาสเห็นว่าเป็นคนดีท่านจะรับไว้เป็นศิษย์ของสำนัก ซึ่งศิษย์ของสำนักทุกคนมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้ไสยศาสตร์ทุกแขนงเสมอหน้า จะต่างกันบ้างก็ตรงที่ความจำอันเป็นความสามารถในตัวตนของศิษย์คนนั้นๆ คาถาทุกบทต้องท่องจำห้ามจด สอนด้วยปากเปล่าเพื่อให้จำสวดท่องให้ขึ้นใจ

          และอย่างที่รู้กัน...ท่านอาจารย์ขุนพันธรักษ์ราชเดช มีความหนังเหนียวคงกระพันชาตรีอย่างสุดๆ ก็เพราะได้เรียนรู้วิชาอาคมจากสำนักเขาอ้อและผ่านการลงแช่ว่านรางยากินเหนียวกินมันมาแล้ว !!!

          ซึ่งวิธีการลงรางแช่ว่านของสำนักเขาอ้อมีพิธีการมากมาย เช่นการกำหนดวันมหาฤกษ์ ตลอดจนกำหนดตัวบุคคลซึ่งจะลงอาบว่าน 108 ชนิด แต่นักเขียนยุคหลังก็มักจะเขียนมั่วๆ เพราะลอกกันมาเป็นทอดๆ อ่านแล้วก็งง เพราะผมผ่านพิธีนี้มาหลายครั้งและตั้งใจว่าคงจะเขียนบันทึกไว้จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง เพราะผมลงไปนอนแช่ว่านจริง ไม่ใช่แค่นอนแช่ในรางน้ำหมึกแล้วนั่งเทียนพรรษาเขียนเป็นตุเป็นตะ
อย่างที่บอกว่า สำนักเขาอ้อมักนิยมให้ศิษย์แช่ว่านมากกว่าการสักยันต์เพื่อให้น้ำว่านยาซึมเข้าทุกรูขุมขน ก่อเกิดการอยู่ยงคงกระพันและอิทธิฤทธิ์ของว่านยายังรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ด้วย เช่น อาการปวดตามหลัง เอว หรือปวดศีรษะ ฯลฯ

          ซึ่งกรรมวิธีในการใช้ว่านนั้นดูจะมีความแตกต่างกันกับภาคกลาง เหนือ อีสาน ที่อาจจะนิยมการกินว่านหรือนำเอาว่านนั้นเป็นส่วนผสมในการทำเครื่องรางของขลัง หรือการนำว่านมาตำคั้นผสมกับตัวยาเพื่อลงอักขระเลขยันต์ตามเนื้อตัว เมื่อสักเเล้วจะเกิดคงกระพันชาตรีไปตลอดชีวิต

          ท่านอาจารย์ขุนพันธรักษ์ราชเดช เคยเล่าให้ นพ.บัญชา พงษ์พานิชย์ ฟังว่า

          "...บางคนเรียนวิชาไม่สำเร็จเพราะไม่มีความเพียร บอกให้ไปนั่งภาวนาอย่าให้ยุงกัด จึงบอกว่ามึงจะไปจับโจรยุงมึงก็ไม่สู้... ภาวนาจนมันไม่มาเกาะแหละ...ทีเเรกมันบินมาตอมแล้วก็มาเกาะถึงเกาะก็ไม่กัดอย่างนั้นพอใช้ได้ เรียนต่อได้...ก่อนจะนอนก็สวดมนต์สักหน่อย...ให้แบบปฏิบัติถ้าปฏิบัติได้ก็มา...ไม่สำเร็จสักคน!"

          (คัดจากบทสัมภาษณ์ของ นพ.บัญชา พงษ์พานิช : หนังสืองานศพ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช)
          เพราะฉะนั้น การแช่ว่านรางยา ไม่ใช่การแสดง ส่วนการแสดงของอนันดา ในบทขุนพันธ์นั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่า กว่าจะเป็นขุนพันธ์มือปราบสะท้านแผ่นดินนั้น ต้องแช่ว่านเรียนอาคมจริงๆ ไม่ใช่การแสดง!

          งงเด๊ะๆๆ?...ใครนักแสดง ใครไม่ใช่นักแสดง...ฮา-สาธุ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ