Program Online

หนุ่มเล่านาทีสุดโกลาหล เหตุเครื่องขัดข้องบนความสูง 5 พันฟุต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จากกรณีสายการบินแอร์เอเชีย มัลดีฟส์-กรุงเทพ เครื่องเกิดขัดข้องบนความสูง 5 พันฟุต (ประมาณ 1,500 เมตร) ก่อนวนกลับมาจอดฉุกเฉินที่สนามบินในเวลาต่อมา

จากกรณีสายการบินแอร์เอเชีย มัลดีฟส์-กรุงเทพ เครื่องเกิดขัดข้องบนความสูง 5 พันฟุต (ประมาณ 1,500 เมตร) ก่อนวนกลับมาจอดฉุกเฉินที่สนามบินในเวลาต่อมา ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ 

 

อ่านข่าว : นาทีเครื่องบินแอร์เอเชียเครื่องขัดข้องบนความสูง 5 พันฟุต

เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ooh WK ซึ่งบอกว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์สุดระทึกครั้งนี้ โพสต์เล่าประสบการณ์โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ 

F L I G H T n o. 1 7 8

เรื่องเล่านี้ผมเขียนขึ้นมาในฐานะที่อยู่ในเหตุการณ์จริง และยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์จริง 99% แต่ขอเก็บอีก 1% ไว้ในใจ ผ่านมุมมองของผมเอง เน้นนะคับ! ว่าเป็นการเล่าผ่านมุมมองของผม ตามสไตล์ของผม ไม่ได้กล่าวโทษใคร หรืออวยใครทั้งสิ้น

ระหว่างที่เสียงเครื่องยนต์ที่เร่งขึ้นเพื่อออกแรงผลักตัวเครื่องทะยานขึ้นฟ้าทันใดนั้นเอง ... ตั๊ม ตั๊ม!! โสตประสาทด้านขวาของผมรับรู้ได้ว่ามันคือเสียงการระเบิดซักอย่าง ... เสียงร้อง เหี้!! ดังขึ้นมาในหัวทันที ... แต่ไม่ทันจะอ้าปากแล้ว เพราะเครื่องออกทะยานวิ่งไปบนรันเวย์ด้วยความเร็วสูงแล้ว

เครื่องบินเชิดหัวขึ้นแล้ว เสียงในหัวมันร้องดังสนั่น และแล้วเสียงระเบิดรัวยาวๆอย่างกับปืนกลในหนังสงคราม 

เสียงมันมาจากจุดกำเนิดเสียงเดิมที่เคยเกิดขึ้นตอนจะเทคออฟ แต่เสียงระเบิดมาพร้อมประกายไฟที่ท้ายเครื่องยนต์ด้วย


เสียงผู้โดยสารชาวจีน และต่างชาติที่นั่งส่วนครึ่งหลังของเครื่องบิน ช่วยกันตะโกน FIRE FIRE FIRE ... พร้อมกับกดปุ่มขอความช่วยเหลือ สลับกับคำตะโกน FIRE FIRE FIRE ... ผู้โดยสารที่นั่งตรงปีกด้านขวาลุกขึ้นวิ่งเปลี่ยนที่นั่งให้ห่างจากตัวเครื่องยนต์อย่างโกลาหล เสียงเด็ก และเสียงผู้หญิงร้องไห้ระงมเครื่อง FA ได้แต่ตะโกนให้ผู้โดยสารนั่งประจำที่รัดสายเข็มขัด แต่ความโกลาหลยิ่งทวีความพุ่งพรวด เมื่อเสียงระเบิดพร้อมประกายไฟยังดังเป็นช่วงๆ แต่โชคดีที่การระเบิดในแต่ล่ะครั้งยังไม่มีการติดไฟเป็นไฟถาวร ... FA วิ่งไปวิ่งมาไปหาผู้โดยสารที่อยู่ด้านท้ายเครื่อง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเธอทั้งหลายเห็นต้นเหตุของความโกลาหลรึยัง FA ได้แต่ประกาศ และตะโกนให้ผู้โดยสารนั่งลง


เครื่องบินไม่มีทีท่าจะหันหัวกลับ และยังไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองผู้โดยสารชายชาวเอเซียร่างสูงใหญ่ดั่งนักกีฬา วิ่งมาจากทางท้ายเครื่อง บรรจงยกส้นตีนที่ใส่รองเท้ากีฬา ราคาต้องมีไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท กระทุ้งไปที่ห้องนักบิน พร้อมยิงคำถามใส่อารมณ์ ดั่งนักร้องเพลงแนว Metal ไปว่า “Why you don’t fuckin back to landing?” แล้วก็แจกฟักทอง ฟักแก้ว ฟักแม้ว หน้าห้องกัปตัน จากนั้นนักท่องเที่ยวต่างชาติก็วิ่งมาที่ห้องนักบิน ประหนึ่งเหมือนจะยกส้นตีนโชว์รองเท้าอีกคน แต่ไม่มีเหตุการซ้ำสอง


เสียงร้องไห้ บวกกับเสียงตะโกนให้กลับไปสนามบินยังดังระงมในห้องผู้โดยสาร ผมมองไปนอกหน้าต่างดูแล้วความสูงยังไม่มากเท่าไหร่ ผมจึงลองเปิดโทรศัพท์ดู "อ้าวเฮ้ย!! ยังมีสัญญาณ" ผมรีบเปิด google map ทันที เพื่อดูว่าตอนนี้เราอยู่ในตำแหน่งใดในโลก แต่แล้วก็ต้องร้องเหี้อีกครั้ง กัปตันยังไม่หันหัวกลับ MALE อีกเหรอ เสียงร้องไห้ ร้องตะโกนยังดังระงม พร้อมกับเสียงระเบิดเป็นช่วงๆ และแล้วชายหนุ่มที่นั่งข้างหน้าผมก็ถูกเผยตัวขึ้น เมื่อ FA สาวเดินมาพูดว่า “AE คะ ช่วยหน่อยค่ะ” ชายหนุ่มรีบวิ่งไปทางด้านหลังเครื่อง แล้วสักครู่ก็วิ่งมาเคาะประตูห้องนักบิน แล้วพูดอะไรบางอย่าง แล้วก็วิ่งไปท้ายเครื่องอีกรอบ แล้วก็หายไปจากเก้าอี้ที่เคยนั่ง อ้อ! แน่นอนหละเค้าผู้นั้นคือ วิศวกรการบินประจำเครื่องบิน นั้นเอง! ผมได้แต่พูดกับตัวเองว่า ทำไมไม่ไปดูตั้งแต่ตูมแรก แล้วทำอะไรซักอย่างว่ะ ทันใดนั้นเองเสียงประกาศนุ่มลึกของกัปตัน ได้เปล่งเสียงออกมาเป็นครั้งแรก  “เรากำลังกลับสู่สนามบินที่ MALE” สถานการณ์ แต่เหตุการณ์ก็ยังระอุพร้อมที่จะประทุขึ้นมาทุกเมื่อ ทุกคนบนเครื่องเริ่มมีความรู้สึกว่าเครื่องมีการบินวน ในความมืดไม่เห็นทีท่าเห็นแสงไฟจากเกาะเมืองหลวงซักที แล้วกัปตันก็ประกาศว่า “เรากำลังลดระดับการบินสู่สนามบิน Velana เมืองหลวงของมัลดีฟส์”

ผู้โดยสารที่เล่าเหตุการณ์ได้รับการขอความช่วยเหลือให้นั่งบริเวณประตูฉุกเฉิน และได้ช่วยเหลือให้เหตุการณ์ชุลมุนจากการที่ผู้โดยสารตกใจจนจะทำร้ายแอร์และมาเปิดประตูฉุกเฉินไว้ได้ ทุกคนปรบมือแสดงความยินดีที่เหมือนรอดตาย ทันทีที่ประตูเครื่องบินเปิด ผู้โดยสารต่างกรูกันออกจากเครื่องยังกะมีใครแม่งตดอัดไว้ในผ้าห่ม แล้วต้องรีบหาทางออกมาหายใจ ผมนั่งรอจนความโกลาหลหมดไปแล้วค่อยลุกออกจากที่นั่ง

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ