Program Online

(คลิปข่าว) แม่กอล์ฟไม่เชื่อลูกชายยิงต่อสู้จนโดนวิสามัญ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แม่นายทักษ์ดนัย หรือกอล์ฟ โจรจี้รถขนเงิน 7.2 ล้าน เข้ารับศพลูกชาย ยันไม่เชื่อลูกชายยิงต่อสู้ จนถูกวิสามัญ พร้อมเดินหน้าขอความเป็นธรรม และพิสูจน์ศพอีกครั้ง

กรณีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นำกำลังเข้าทำการวิสามัญฆาตกรรม นายทักษ์ดนัย หรือ กอล์ฟ เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 27 ปี ข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีและใช้อาวุธ ขู่เข็ญเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือ เพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน นั้น

ขณะเดียวกัน แม่นายทักษ์ดนัย หรือกอล์ฟ โจรจี้รถขนเงิน 7.2 ล้าน เข้ารับศพลูกชาย ยันไม่เชื่อลูกชายยิงต่อสู้ จนถูกวิสามัญ พร้อมเดินหน้าขอความเป็นธรรม และพิสูจน์ศพอีกครั้ง

 

นางสุพัตรา เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 49 ปี มารดาพร้อมด้วยแฟนสาว ของนายทักษ์ดนัย หรือกอล์ฟ เหนี่ยวรั้งใจ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ เงินสด 7.2 ล้านบาท จากพนักงานรถขนเงิน BRINKS เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เข้ารับศพของนายทักษ์ดนัย ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ริมพงหญ้ากลางซอยทวีวัฒนา 1 ย่านหนองค้างพลูนางสุพัตรา มารดาของนายทักษ์ดนัย กล่าวว่า ตนเองมีลูกชาย 2 คน นายทักษ์ดนัย เป็นคนโต ก่อนเกิดเหตุก็อยู่ด้วยกันกับตนเองตลอดที่บ้าน เพราะแฟนของลูกชายก็พักอาศัยอยู่กับตนเอง ปกติลูกชายตนเองเป็นคนนิสัยดี รักครอบครัว ดูแลตนเองมาโดยตลอด

 

 

แต่วันที่เกิดเหตุตนเองติดต่อลูกชายไม่ได้ เพราะนัดลูกชายให้มารับ แฟนลูกชายก็ติดต่อไม่ได้ เห็นอีกที่ก็ดูข่าวในโทรทัศน์แล้วจึงทราบเรื่องส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่า ลูกชายเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน ที่ห้างสรรพสินค้าเซนทรัลเวสต์เกต เมื่อปี พ.ศ.2560 ที่ผ่านมา ส่วนตัวไม่เชื่อว่าลูกชายจะเป็นคนก่อเหตุ เพราะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และบ้านที่พักอาศัยอยู่ปัจจุบัน เป็นการนำเงินเก็บของตัวเองกับเงินของลูกชาย ซื้อว่า โดยยืนยันว่าไม่ได้นำเงินจากการกระทำผิดกฎหมายมาซื้อแต่อย่างใด ส่วนลูกชายจะเคยทำงานบริษัทรถขนเงินหรือไม่ ตนเองไม่ทราบข้อมูลสำหรับเหตุการ์ณวิสามัญที่เกิดขึ้นตนเองมองว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ตำรวจพยายามปกปิดข้อมูล และสร้างสถานการ์ณขึ้นมา เพราะลูกชายตนเองไม่มีอาวุธปืน และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาว่า พบปืนที่ลูกชายนำไปทิ้งแล้ว และไม่มีทางเป็นไปได้ที่ลูกชายจะต่อสู้ หลังจากนี้ตนเองจะเดินหน้าขอความเป็นธรรมต่อไป และหากเป็นไปได้จะขอให้พิสูจน์ศพลูกชายของตนเองอีกครั้ง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ