ข่าว

รถเมล์เบสท์รินฯ ชนดะ ฟ้องเด็ดหัว 'กุลิศ-ชัยยุทธ'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ข่าวห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3488 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 18-20 ก.ค.2562 โดย...พรานบุญ

รถเมล์เบสท์รินฯชนดะ

ฟ้องเด็ดหัว

‘กุลิศ-ชัยยุทธ’

 

            ข้าราชการยุคนี้อยู่ยากจริงๆ ใครเฮี้ยบ! ใครขวางขาใหญ่เจอฟ้องสกัดให้สะบักสะบอมได้

            พรานฯพามาดูข้าราชการตัวอย่าง 2 คนนี้...คนแรก “เสี่ยกบ-กุลิศ สมบัติศิริ” อดีตอธิบดีกรมศุลกากร ปัจจุบันถูกโอนย้ายแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน เหลืออายุราชการอีก 4 ปีเกษียณอายุราชการ

            คนที่ 2 ชื่อว่า “ชัยยุทธ คำคุณ” ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร อดีตรองอธิบดีกรมศุลกากร และโฆษกฯ เป็นคนตัวตรง ฝีมือดี บริหารจัดการเนี้ยบ เหลือเวลาราชการไม่เกิน 18 เดือนเกษียณราชการ

            ทั้ง 2 คน ได้รับการชื่นชมจากการทำงานที่ตรงไปตรงมา ใครหนีภาษีเป็นต้องโดนแน่

            วันที่ 11 เมษายน 2560 “กุลิศ-ชัยยุทธ” และ ผอ. สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เสนอส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินคดีกับบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เหตุเพราะบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด สำแดงถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) เป็นเท็จ

            การดำเนินคดีกับผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีทั้ง 489 คัน แบ่งออกเป็น 2 ชุด ขุดแรก 100 คันแรก ผู้นำเข้ามีความผิดฐานสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นเท็จและหลีกเลี่ยงอากร ผิดตามมาตรา 99 และมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469

            กลุ่มที่สอง 389 คัน ผู้นำเข้าแจ้งถิ่นกำเนิดสินค้าในใบขนสินค้าว่า เป็นรถเมล์เอ็นจีวีที่ผลิตจากประเทศมาเลเซีย ขณะที่คณะกรรมการตรวจปล่อยรถของกรมศุลกากรตรวจพบ เป็นรถเมล์ที่มีถิ่นกำเนิดประเทศจีน แต่ผู้นำเข้าขอสงวนสิทธิ์ที่จะหาหลักฐานโต้แย้งกรมศุลกากรภายหลัง และยอมจ่ายค่าภาษีในอัตรา 40% ของราคา เพื่อนำรถไปส่งมอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  (ขสมก.)

            ในทางข้อพิพาทต้องเรียกว่า ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีล็อต 389 คัน มีความผิดฐานสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นเท็จด้วยเช่นกัน แต่มีโทษไม่หนักเท่ากับการหลีกเลี่ยงภาษีอากร

            การสำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จในกรณีนำเข้ารถชุดแรก 100 คันแรก ทางบริษัทจะต้องจ่ายภาษีนำเข้าบวกภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเป็นเงิน 718 ล้านบาท และเสียค่าปรับอีก 2 เท่า รวมเบ็ดเสร็จ 958 ล้านบาท...อะฮ้า!

          บัดนี้ ชิปปิ้ง คนออกของ ศุลกากร ศุลการักษ์ พูดกันให้ควั่กว่า “ขาข้างหนึ่งอยู่ในคุก”

            พรานฯถามไถ่ไปยังต้นตอพบว่า ถูกเบสท์รินฟ้องเอา ว่า ทั้งกุลิศ-ชัยยุทธและลูกน้องอีก 2 คน ทำผิดจนเบสท์รินเสียหายไม่สามารถนำส่งรถให้กับขสมก.ตามสัญญาได้ ทั้งๆที่เสนอราคาแค่ 3.3 พันล้านบาท ตํ่ากว่าราคากลางที่ตั้งไว้ 4 พันล้านบาทเศษ ตํ่ากว่าถึง 600 ล้านบาท

            เป็นการฟ้องร้องบิ๊กกรมศุลกากรภายหลัง ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ ขสมก.ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด บริษัท อาร์ แอนด์ เอ คอมเมอร์เชียล วิฮีเคิลส์ เอสดีเอ็น บีเอชดี บริษัทรถยนต์เซินหลง (เซี่ยงไฮ้) จำกัด และบริษัทเทคโนโลยีพลังงานใหม่เป่ยฟังกวางโจว จำกัด เนื่องจากบอกเลิกสัญญาจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์โดยสารปรับอากาศเอ็นจีวี และบำรุงรักษา 489 คัน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมเป็นเงิน 1,159 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% นับถัดจากวันที่ 7 มิถุนายน 2560 ซึ่งเป็นวันฟ้องคดี

            ศาลว่า จะซื้อรถนำเข้าจากจีน มาเลเซีย ไม่ใช่สาระสำคัญ!

            พรานฯได้ยินว่า ตอนนี้ ทั้ง ปลัดกุลิศ และที่ปรึกษาชัยยุทธ ต่างพกยาแก้ปวดไว้กินวันละกำมือ...

            ถามไปว่าสู้ไหม…ไหวไหมบอกมา...2สิงห์กรมศุลฯ บอกว่า คดีนี้สู้ถึงตาย เพราะเอกชนเลี่ยงภาษีเห็นๆ...

            กรมศุลกากร ได้ตรวจสอบแล้วมีข้อมูลที่เชื่อได้ว่า รถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าวผลิตในประเทศจีน โดยจากการส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบถึงมาเลเซีย พบว่าผู้ที่ส่งรถเมล์เอ็นจีวีมายังไทย คือ “R & A COMMERCIAL VEHICLES SDN BHD” นำเข้ารถโดยสารปรับอากาศชนิดเดียวกันจากประเทศจีน แบบ “สำเร็จรูปทั้งคัน” จากนั้นจึงส่งมายังประเทศไทย หมายเลข Chassis หมายเลขเครื่องยนต์ ตรงกัน ราคาต่อหน่วยและนํ้าหนักต่อหน่วยเท่ากันเป๊ะ

            การสำแดงแหล่งกำเนิดเป็นเท็จจึงมีความผิดตามกฎหมายศุลกากรตามมาตรา 99, 27 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 เพราะเอกชนหวังได้รับการยกเว้นอากรภายใต้สิทธิพิเศษทางการค้าภายใต้กรอบอาเซียน (ฟอร์ม D) เพราะหากสำแดงว่านำเข้าจากประเทศจีนต้องเสียภาษีสูงถึง 40%

            รักษาผลประโยชน์ให้รัฐขนาดนี้ กลับโดนฟ้อง จนต้องกินยาแก้ปวด...

            เอกชนที่ฟ้องก็ไม่ธรรมดา เป็นคู่กัดกรมศุลกากรเสียด้วย

            ขรก.กรมศุลฯคงจำไม่ได้ แต่หากยกมือ 2 ข้างมานับไม่ถึง 10 นิ้วจะพบว่า ในอดีตกลุ่มเบสท์ริน กรุ๊ปเคยถูกกรมศุลกากรนี่แหละทำหนังสือถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขอให้ระงับการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีกว่า 10 ครั้ง ในช่วงปี 2554-2559

            และก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 ศาลภาษีอากรกลาง ก็เคยมีคำพิพากษา ในคดีที่กรมศุลกากร กับกรมสรรพากร ร่วมกันฟ้องบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ปฯ ฐานสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์โดยสาร ยี่ห้อ Golden Dragon ตั้งแต่ตุลาคม 2549-กันยายน 2550

            คดีนี้เบสท์รินแพ้คดี ต้องจ่ายภาษี เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม รวมเป็นเงินกว่า 230 ล้านบาท

            บัดนี้ รถเมล์เบสท์ริน ไล่ชนคนกรมศุลกากรกระเจิง...5555

          พิลึกกว่านั้น พรานฯได้ข่าวมาว่า ขรก.ระดับ 8 ระดับ 9 ที่เป็นคนจับ คนตรวจสอบ ที่แหลมฉบังฝ่ายปราบปราม อย่างน้อย 4-5 คน ที่เป็นต้นเรื่อง ไม่มีการฟ้อง...แบบนี้เขาเรียกว่า ฟ้องเด็ดหัว..สิขอรับ...

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ