'ธนาธร' ลาก 'แม่-เมีย' ขึ้นศาล!

'ธนาธร' ลาก

'แม่-เมีย' ขึ้นศาล!

          คดีหุ้นสื่อ กรณี บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กำลังกลับมาเป็นประเด็นที่ร้อนแรงในสังคมอีกครั้ง เมื่อกำหนดเส้นตายผ่อนผันส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ หมดเวลาลงเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในขณะที่ฝ่าย “ผู้ถูกร้อง” กำลังสร้างกระแสกดดันศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็น “เครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ” เพื่อมุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของตุลาการในการพิจารณาคดี

          อย่าเพิ่งคิดง่าย ๆ ว่าตุลาการทั้ง 9 ซึ่งเป็นทั้งนักนิติศาสตร์ “ชั้นเซียน” และนักรัฐศาสตร์ “ชั้นอ๋อง” ของประเทศ จะปล่อยให้ “นักการเมืองเมื่อวานซืน” เป็นฝ่ายกระทำเพียงข้างเดียว จึงมีแนวคิดว่า ตุลาการทั้ง 9 จะไม่วินิจฉัย “ฉับไว”  ทันทีที่หมดเวลายื่นคำร้องแก้ข้อกล่าวหา โดยอาจจะเลือกใช้วิธีการ “เปิดศาล” ไต่สวน ขึงพืด ให้รู้ไส้รู้พุงว่าการโอนหุ้นเมื่อ 8 มกราคม 2562 ที่ ธนาธร กล่าวอ้างว่า สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นมารดา มาซื้อหุ้น และเก็บเช็คไว้ที่ รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้เป็นภรรยา เป็นเรื่องจริงหรือ “นิติกรรมอำพราง”

          เมื่อผู้ร้องคือ กกต. เชื่อว่าเป็นนิติกรรมอำพราง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. ต้องขึ้นเบิกความต่อศาลในฐานะ “ผู้ร้อง” ส่วน ธนาธร ต้องเบิกความในฐานะผู้ถูกร้อง  แต่ที่น่าจับตายิ่งคือ “แม่และเมีย” ของธนาธร  สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และ รวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ จะต้องถูก “ลากตัว” ขึ้นศาลในฐานะพยาน พร้อมกับหลานอีก 2 คน เพื่อไขปมว่า เป็นเรื่องจริงหรือ “นิติกรรมอำพราง”

          บรรดาหลักฐาน เดิมที่หยิบมาอ้างต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น “ใบสั่ง” ขับรถเร็วเกินกำหนด หรือ “อีซี่พาส” ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ อย่างเดียวที่ ธนาธร ต้องพิสูจน์คือโอนหุ้นออกจาก บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ ก่อน 6 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันสมัคร ส.ส.หรือไม่ ประเด็นเรื่อง บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ ทำสื่อหรือไม่ มันจบลงแล้ว เพราะ “งบการเงิน” ตั้งแต่ปี 2551-2561 ซึ่งอยู่ในหลักฐานของสำนวนคดี บอกอย่างชัดแจ้ง “ประกอบกิจการสื่อ” ธนาธร จะเอาไปเทียบกับ ส.ส.อื่นที่ถูกร้องอีก 55 รายไม่ได้ เพราะพฤติการณ์แห่งคดีต่างกัน

          ร่องรอยการให้ปากคำสดๆ ในศาลของ แม่ และภรรยา ของ ธนาธร ที่จะถูกทั้งทนายผู้ร้อง และตุลาการทั้ง 9 ซักในชั้นการไต่สวน จะช่วยให้สังคม “กระจ่าง” ขึ้นว่า “ของจริง” คืออะไร ไม่ใช่ปล่อย “เด็กเลี้ยงแกะ” ปั่นกระแสให้สังคมสับสนและแตกแยกกันต่อไป ดังนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งหาก “ศาลรัฐธรรมนูญ” เปิดศาลไต่สวน และเปิดให้ “สื่อ” ทำหน้าที่ถ่ายทอด หรือรายงานการพิจารณาอรรถคดี เพราะ “คำถาม-คำตอบ” ในคดี จะเป็นกรณีศึกษาที่ดียิ่งสำหรับคนไทยทุกคน