ผลจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แถลงผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. 100% อย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง 350 เขต
คอลัมน์คันฉ่องส่องการเมือง ฐานเศรษฐกิจ หน้า 16 ฉบับ 3457 ระหว่างวันที่ 31 มี.ค.-3 เม.ย.2561 โดย...นาย NO VOTE
"เพื่อไทย" ทุ่ม 5 กิโลฯ
สกัดงูเห่าหนี
ผลจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แถลงผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. 100% อย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง 350 เขต และเมื่อคำนวณจำนวนส.ส.ของแต่ละพรรคที่ได้รับคร่าว ๆ ผนวกกับการ “ล็อกขั้ว” จัดตั้งรัฐบาล โดย “กลุ่มเพื่อไทย” ที่ได้ลง “สัตยาบัน” กลุ่มพรรคการเมืองไปก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดขั้วพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลขึ้น “2 ขั้ว”
ขั้วแรกเป็น “ขั้วพลังประชารัฐ” ประกอบด้วย พลังประชารัฐ มี 117 เสียง รวมกับพรรคอื่นที่คาดว่าจะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เสียงน่าจะอยู่ที่ 255 เสียง ประกอบด้วย ประชาธิปัตย์ 52 เสียง ภูมิใจไทย 51 เสียง ชาติพัฒนา 10 เสียง รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง ชาติพัฒนา 3 เสียง รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง และพรรคเล็กอื่นๆ อีก 12 เสียง
อีกขั้วเป็น “ขั้วเพื่อไทย” เพื่อไทยเมื่อรวมกับพรรคพันธมิตรแล้ว มี 245 เสียง ประกอบด้วย เพื่อไทย 137 เสียง อนาคตใหม่ 79 เสียง เสรีรวมไทย 10 เสียง เศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง ประชาชาติ 7 เสียง เพื่อชาติ 5 เสียง และ พลังปวงชนไทย 1 เสียง
ก่อนหน้านี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ได้แถลงประกาศจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล 7 พรรค (รวมเศรษฐกิจใหม่) ด้วยเสียง 255 เสียง แต่เมื่อผลการคำนวณจำนวนส.ส.ออกมาล่าสุด “ขั้วเพื่อไทย” มีเสียงรวมกันเพียง 245 เสียง ไม่ถึงครึ่งของ 500 เสียง ที่จะจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลได้ (ยังไม่ต้องไปพูดถึงการโหวตตั้งนายกฯ ที่ใช้เสียง 2 สภา 376 เสียง) ทำให้ “โมเมนตัม” ในการจัดตั้งรัฐบาล ฉายไปอยู่ที่ “ขั้วพลังประชารัฐ”
แต่ด้วยจำนวนเสียง “2 ขั้ว” ที่ “ก้ำกึ่ง” ยากที่ขั้วใดขั้วหนึ่ง เมื่อตั้งรัฐบาลได้แล้ว จะบริหารประเทศไปได้แบบราบรื่น สะดวกโยธิน ทำให้ต้องคิดดึง ส.ส.จากขั้วตรงข้าม หรือที่เรียกกันว่า “งูเห่า” มาเพิ่มเสียงฝ่ายรัฐบาล โดยคาดกันว่า พลังประชารัฐ จะต้องไปดึง “งูเห่า” จาก เพื่อไทย ให้มาร่วมรัฐบาล เรื่องนี้ก่อให้เกิดความระแวงภายในเพื่อไทย จึงมีการเสนอค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยค่าดำเนินการในการเลือกตั้งหนัก “5 กิโลกรัม” และให้เขียน “ใบลาออก” จากส.ส.ทิ้งไว้ให้พรรค ซึ่งถือเป็น “มาตรการ” รั้งส.ส.ไว้ให้อยู่กับพรรคต่อไป
แต่ “เพื่อไทย” จะ “เอาอยู่” หรือไม่ ต้องรอดูกันไปถึงปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โน้น ที่จะมีการโหวตตั้ง “นายกฯ” และตั้ง “ครม.ชุดใหม่”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง