ประชาสัมพันธ์

คปภ.แนะทำประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คปภ. เร่งติดตามการจ่ายสินไหมประกัน เหตุกระบะพุ่งชน รถยนต์-จยย.

 

               เลขาธิการ คปภ. เผยเร่งติดตามการจ่ายสินไหมประกัน กรณีรถกระบะพุ่งชน “รถยนต์-รถจักรยานยนต์” รวดเดียว 7 คัน ดับ 6 เจ็บ 7 ราย แนะผู้ใช้รถให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย

 

               ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถกระบะ เฉี่ยวชนรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมจำนวน 7 คัน เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 บนถนนโพธิ์พระยา-ท่าเรือ ตำบลยี่ล้น อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 รายและบาดเจ็บ 7 รายนั้น

 

คปภ.แนะทำประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยง

 

               เบื้องต้นตนได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทอง ติดตามและรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และให้ประสานความร่วมมือกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย บริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย และผู้บาดเจ็บ 7 ราย ได้มีการทำประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุประเภทอื่นๆไว้ด้วยหรือไม่ เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

 

               ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทอง ว่า รถกระบะคันก่อเหตุได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 โดยให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัย กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวร จำนวน 300,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีความเสียหาย ต่อร่างกายหรืออนามัย จำนวน 80,000 บาทต่อหนึ่งคน กรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน จำนวน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน

 

               นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่ารถกระบะคันดังกล่าวได้ทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 1 ไว้ด้วย โดยเริ่มคุ้มครองวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 สิ้นสุดวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 โดยให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย เฉพาะส่วนเกินวงเงินสูงสุดตาม พ.ร.บ. จำนวน 300,000 บาทต่อคน รวมแล้วไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง) ความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน 600,000 บาทต่อครั้ง กรณีเกิดความเสียหายต่อรถยนต์ จำนวน 290,000 บาทต่อครั้ง กรณีรถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ จำนวน 290,000 บาทต่อครั้ง สำหรับความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย (ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร ผู้ขับขี่ 1 คน จำนวน 100,000 บาท ผู้โดยสาร 2 คน จำนวน 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาลคนๆ ละ 50,000 บาทต่อคน การประกันตัว ผู้ขับขี่ 200,000 บาทต่อครั้ง

 

               สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 6 ราย และผู้บาดเจ็บ 7 ราย นั้น จากการติดตามอย่างใกล้ชิดทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย เป็นคนในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง โดยครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้ติดต่อกับโรงพยาบาลอ่างทอง เพื่อนำศพของผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโล่ห์ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง และวัดไผ่แหลม อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ซึ่งสำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทอง ได้อำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตดังกล่าวอย่างเต็มที่

 

               ทั้งนี้ได้รับรายงานจากบริษัทประกันภัยว่า ได้มีการติดต่อกับทายาทของผู้เสียชีวิต ทั้ง 6 รายแล้ว และจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยโดยด่วนต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำเอกสารประกอบการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ในส่วนของผู้บาดเจ็บ 7 ราย ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลอ่างทอง ยังคงพักรักษาตัว 3 ราย อีก 4 รายกลับบ้านแล้ว โดยสำนักงาน คปภ. จังหวัดอ่างทอง ได้แจ้งสิทธิค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยตาม พ.ร.บ. ให้กับผู้บาดเจ็บและโรงพยาบาลได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะได้ติดตามให้มีการจ่ายตามสิทธิดังกล่าวต่อไป

 

                ​"สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายและผู้บาดเจ็บ 7 ราย จากอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและทุกสถานที่ จึงควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และขอฝากเตือนประชาชน ควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะเส้นทางการจราจรที่ไม่คุ้นเคย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้ และหมั่นตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนตรวจวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (ประกันภัย พ.ร.บ.) ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งควรทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและประกันชีวิตอื่นๆ ด้วย เพื่อที่ระบบประกันภัย จะได้เข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

               ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ