ข่าว

ทฤษฎีคบคิดประหลาด หนึ่งในสาเหตุชาวออสซี่กว่าหมื่นคน ไม่ยอมตรวจโควิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รัฐวิกตอเรีย เป็นรัฐที่เผชิญโควิด-19 ระบาดมากที่สุดในออสเตรเลียเวลานี้ แต่มีกว่าหมื่นคนปฏิเสธการตรวจเชื้อ จำนวนไม่น้อยเชื่อทฤษฎีคบคิด 


ทางการรัฐวิกตอเรีย กำลังพยายามควบคุมการระบาดของไวรัสโรคโควิด-19  ระลอกที่สอง โดยเฉพาะในนครเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับของออสเตรเลีย โดยระดมตรวจเชื้อครั้งใหญ่มาตั้งแต่ 25 มิถุนายน เพื่อให้การสอบสวนโรคและยับยั้งการแพร่ระบาดเป็นไปโดยเร็วที่สุด  แต่รัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐ  เจนนี มิคาคอส เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า มีผู้ปฏิเสธเข้ารับตรวจกว่า 1 หมื่นคน  ซึ่งทางการกำลังวิเคราะห์เหตุผล เท่าที่อ้างกัน เช่น ตรวจมาแล้วจากอีกที่หนึ่ง พ่อแม่บางคนที่มีลูกเล็กปฏิเสธการตรวจ เพราะกระบวนการเก็บตัวอย่างทำให้เด็กเจ็บ และบางคนเกรงว่าหากตรวจไวรัสแล้วพบผลเป็นบวก อาจทำให้เสียรายได้ เพราะต้องหยุดงาน  แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ จำนวนไม่น้อยเชื่อว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นทฤษฎีคบคิด หรือไม่มีผลกระทบกับพวกเขา  

 

ทฤษฎีคบคิดประหลาด หนึ่งในสาเหตุชาวออสซี่กว่าหมื่นคน ไม่ยอมตรวจโควิด

 

นักทฤษฎีคบคิดในออสเตรเลียชื่อดังคนหนึ่ง ที่มีผู้ติดตามเฉพาะบนอินสตาแกรมกว่า 2.5 แสน อ้างว่าชุดตรวจปนเปื้อน และปฏิเสธการมีอยู่ของไวรัส  อีกทฤษฎีคบคิดประหลาดก็คือ บุคลากรการแพทย์ใช้การตรวจป้ายจมูก แอบฝังไมโครชิฟไว้ที่หลังคอ ตามแผนการของบิล เกตส์  ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งโพสต์เมื่อเดือนที่แล้ว ว่า ไม่มีหรอกโรคระบาดใหญ่อะไรนั่น ที่กำลังจะเจอก็คือการฝังไมโครชิฟของ บิล เกตส์ และว่ามูลนิธิ บิล เกตส์ จ่ายค่าฝังชิพก้อนโต

โพสต์นี้รวมถึงภาพไดอะแกรมแสดงศีรษะของคนขณะถูกเก็บตัวอย่างจากคอ มีการทำลูกศรชี้ตำแหน่งฝังไมโครชิพ ถูกแชร์ไปเกือบหมื่นครั้ง ข้อความแนวเดียวกันนี้ถูกแชร์เป็นหมื่นเป็นแสนครั้งบนสื่อสังคมออนไลน์ บ่งว่าอาจเป็นความวิตกกังวลของคนในออสเตรเลียและสหรัฐ แม้ว่ามูลนิธิ บิล แอนด์ เมลิดา เกตส์ ที่ทุ่มกว่า 300 ล้านดอลลาร์ รับมือกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ออกมาปฏิเสธหลายครั้งว่าไม่เป็นความจริง 

ที่มา Yahoo News 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ