ผลศึกษาเชิงสถิติในซีแอตเทิลพบว่า การแยกห่างระหว่างกัน ได้ผลชะลอการแพร่เชื้อไวรัสโรคโควิด-19
( ภาพ pixabay )
สถาบัน Disease Modeling (IDM) ในวอชิงตัน ประเมินผลมาตรการล็อกดาวน์ หรือการให้ประชาชนอยู่บ้านและปิดสถานที่ไม่จำเป็น ตลอดจนมาตรการ social distancing ในนครซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน
โดยใช้ข้อมูลด้านสุขภาพในจุดร้อนไวรัสโรคโควิด-19 ของทางการ และข้อมูลบอกพิกัดบนเฟซบุ๊กแบบนิรนาม ในการคำนวณ พบว่า อัตราการแพร่เชื้อโดยเฉลี่ยลดลงเกือบครึ่ง จาก 1 คนแพร่ต่อ 2.7 เมื่อสิ้นเดือนก.พ. ลงมาอยู่ที่ 1.4 ภายใน 18 มีนาคม
ทั้งนี้ รัฐวอชิงตัน ที่นครซีแอตเทิลตั้งอยู่ เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกในสหรัฐ และเป็นศูนย์กลางระบาดในช่วงแรก ก่อนเป็นรัฐแรกๆที่เริ่มแบนการรวมตัวของคนหมู่มาก และปิดโรงเรียนช่วงต้นเดือนมีนาคม
ข้อมูลด้านสุขภาพที่นำมาใช้ในการคำนวณ รวมถึงผลตรวจไวรัสได้ผลบวกและลบ และอัตราการตาย
Social distancing คืออะไร อดีตเคยใช้สู้โรคระบาดมาแล้ว
ผลศึกษาระบุว่า ข้อมูลพิกัดจากเฟซบุ๊กแสดงให้เห็นการเดินทางลดลงต่อเนื่อง กับมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้คนอยู่บ้านในระยะเวลาดังกล่าว
อัตราการอยู่ในที่พักเพิ่มขึ้น 27% ส่วนการเข้าไปในสถานที่ที่ตั้งออฟฟิศ เช่น ซีแอตเทิลตอนกลาง ลดลง 43%
การศึกษาชิ้นนี้แม้ใช้ข้อมูลไม่มากในการคำนวณ และยังมีค่าความไม่แน่นอนระดับหนึ่ง แต่ยืนยันว่า คำสั่งให้อยู่บ้านออกมาทันการและจำเป็น และจะต้องคงอยู่ต่อไป ยังต้องเห็นความก้าวหน้าเพิ่มอีก
แดเนียล ไคลน์ หนึ่งในหัวหน้าทีมศึกษา กล่าวว่า ประเด็นหลักจากผลศึกษาคือ แม้มีความก้าวหน้าบางประการ แต่ยังเป็นความก้าวหน้าที่ยังต้องระมัดระวัง และยังไม่พอ” เช่นเดียวกับ เจฟฟ์ ดูชิน ผู้อำนวยการสาธารณสุข คิง เคาน์ตี ในซีแอตเทิล กล่าวว่า เราเห็นผลบวกจากมาตรการรักษาระยะห่างและมาตรการที่นำมาใช้ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่ม จึงยังต้องใช้มาตรการทุกอย่างต่อไป
ในคิง เคาน์ตี มีผู้ติดเชื้อ 2,330 ราย เสียชีวิต 150 ราย ความเสี่ยงระบาดเพิ่งยังมี และอาจทำให้ระบบสาธารณสุขรับไม่ไหว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง