นายกฯสิงคโปร์แถลงครั้งที่สอง บอกกล่าวประชาชนเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อย่าละการป้องกัน แจงแผนที่รัฐบาลเตรียมไว้
นายกรัฐมนตรีลี เซียน หลงแห่งสิงคโปร์ มีถ้อยแถลงกับประชาชนเมื่อค่ำวานนี้ ผ่านคลิปวิดีโอโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นการแถลงสถานการณ์ไวรัสโรคโควิด-19 ต่อชาวสิงคโปร์เป็นครั้งที่สอง เตือนว่า ไวรัสจะแพร่ต่อไปอีกราว 1 ปีหรือนานกกว่านั้น แต่หากชาวสิงคโปร์ยังคงป้องกันตัว เศรษฐกิจประเทศก็จะดำเนินต่อไป และประชาชนก็จะยังสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้
ฟิลิปปินส์ประกาศปิดเมืองหลวงสกัดไวรัส 1 เดือนเต็ม-ห้ามชุมนุม
ผู้นำสิงคโปร์ ย้ำว่าสถานการณ์ในประเทศยังควบคุมได้ การรับมือกับโรคระบาดนี้จะไม่ปรับขึ้นจาก สีส้ม ในปัจจุบัน เป็นสีแดง “เราจะไม่ล็อคดาวน์เมืองของเราแบบจีน เกาหลีใต้ หรือที่อิตาลี สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในวันนี้ คือการวางแผนมาตรการเข้มงวดบางอย่างที่เข้มงวดขึ้น นำมาทดลอง และเตรียมชาวสิงคโปร์ให้พร้อมเมื่อจำเป็นต้องนำแผนเหล่านั้นมาใช้จริง”
แถลงการณ์ซึ่งมีทั้งภาษาอังกฤษ จีนและมาเลย์ มีขึ้นหลังจากองค์การอนามัยโลกประกาศว่า โรคโควิด-19 เป็นภาวะระบาดใหญ่ทั่วโลก
ในโอกาสนี้ ผู้นำสิงคโปร์ได้บอกกล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อว่า แม้เข้มงวดแค่ไหน แต่ยังอาจมีเชื้อนำเข้า และหากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก สิงคโปร์ก็จะไม่สามารถกักแยกทุกคนได้อย่างที่ทำในปัจจุบันได้ ผู้ที่มีอาการไม่มาก ให้หาหมอปกติและพักอยู่ที่บ้าน กักตัวเอง เพื่อให้ทางการทุ่มทรัพยากรไปกับผู้ป่วยหนัก ลดจำนวนผู้เสียชีวิตให้เหลือน้อยที่สุด
ในสถานการณ์ที่ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก สิงคโปร์จะออกมาตรการระงับกิจกรรมสังคม ( social distancing )ชั่วคราว เช่น ปิดโรงเรียน ลดชม.ทำงาน หรือบังคับให้ทำงานจากบ้าน
ในด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการชุดที่สอง เพื่อช่วยภาคบริษัท ด้านต้นทุน เงินสดหมุนเวียน เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้
นายกฯสิงคโปร์ กล่าวว่า บุคลากรในแนวหน้าทำงานหนักมากเพื่อให้สิงคโปร์ปลอดภัย และชาวสิงคโปร์ก็ให้กำลังใจสนับสนุน เมื่อขอให้สวมหน้ากากอนามัยเมื่อไม่สบาย หรืออย่ากังวลว่าอาหารและของใช้ในซูเปอร์มาเก็ตจะหมด ประชาชนก็ยอมรับและเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งเขาขอชื่นชมชาวสิงคโปร์ที่ตอบสนองอย่างมีสติและรับผิดชอบ
“สิ่งที่ทำให้ชาวสิงคโปร์แตกต่างจากประเทศอื่นคือเรามีความเชื่อมั่นกันและกัน เราสู้ด้วยกัน และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง นี่คือ สิงคโปร์ยูไนเต็ด เราคือสิงคโปร์ยูไนเต็ด” ก่อนเสริมว่า “ในวิกฤติการณ์เช่นนี้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วมหวังว่าทุกท่านจะร่วมมือกับผมและทีมงาน เพื่อให้ครอบครัวของเราปลอดภัย ทำให้สิงคโปร์ปลอดภัยและก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง