ในที่สุด เกาหลีใต้ตัดสินใจยกระดับสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นระดับสูงสุด หลังผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานเกินครึ่งพัน
ประธานาธิบดีมูน แจ อิน แห่งเกาหลีใต้ แถลงวันนี้ ว่า สถานการณ์โควิด 19 มาถึงจุดเปลี่ยนอันตราย และอีกไม่กี่วันนับจากนี้ไป คือห้วงเวลาที่สำคัญมาก รัฐบาลจะเสริมระบบสนองตอบสถานการณ์ในภาพรวมให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วยการยกความเข้มอีก 1 ระดับ จากสีส้ม เป็น สีแดง ซึ่งเป็นการรับมือในระดับสูงสุด
ผู้นำเกาหลีใต้ กล่าวว่า รัฐบาลกลางและท้องถิ่นไม่ควรรีรอ ในการใช้มาตรการหนักแน่นที่สุดอย่างไม่เคยปรากฎ เพื่อยับยั้งไวรัสระบาด โดยไม่ให้กฎระเบียบต่างๆมาเป็นข้อจำกัด และเน้นว่า ทางการสาธารณสุข กำลังดำเนินมาตรการพิเศษ ในส่วนที่พัวพันกับสาวกลัทธิชินชอนจี ( ภาษาเกาหลี แปลว่าโลกใหม่ )
“แม้สถานการณ์ร้ายแรง แต่เราเอาชนะได้ รัฐบาลมีความสามารถมากพอ และความมั่นใจที่จะควบคุมและจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อได้ ความไว้วางใจและร่วมมือคือหนทางที่จะชนะการต่อสู้กับไวรัส” ผู้นำเกาหลีใต้กล่าว
โบสถ์ ชินชอนจี ในเมืองแทกู คือศูนย์กลางแพร่เชื้ออย่างกว้างไกล หลังจากสตรีวัย 61 ติดเชื้อเป็นคนไข้รายที่ 31 มีประวัติไปร่วมพิธีกรรมวันอาทิตย์ที่มีการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างสาวกและใช้เวลานานหลายชม. ภายในโบสถ์แน่นขนัด ขณะรพ.แทนัม ในเมืองชองโด จังหวัดคย็องซังเหนือที่อยู่ติดกัน เป็นอีกแหล่งระบาดใหญ่
ล่าสุด ยอดติดเชื้อในเกาหลีใต้พุ่งแตะ 602 คน เสียชีวิตแล้ว 5 คน ในจำนวนนี้กว่า 300 คน เกี่ยวโยงกับโบสถ์ชินชอนจี
เวลานี้ ตำรวจแทกูระดมกำลังค้นหาสาวกที่เหลือที่เกือบ 670 คน ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้
ทางการแทกู มีรายชื่อสาวกชินชอนจิในเมือง 9,336 คน ถึงบ่ายวานนี้ ( 22 ก.พ. ) 1,276 คนแจ้งว่ามีอาการบางอย่าง ขณะที่ 7,390 ยังไม่มีอาการใดๆ
หลายเมืองในเกาหลีใต้ก็ตื่นตัวเช่นกัน หลังจากพบว่า สตรีวัย 27 ปี ที่เป็นผู้ป่วยรายแรกในอุลซาน ได้ไปร่วมพิธีกรรมในโบสถ์แทกูเมื่อ 9 ก.พ. และ 16 ก.พ. พร้อมกับคนอื่นอีกนับร้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง