ข่าว

บันทึกสาวไทยจากอู่ฮั่น เล่าความพิเศษเที่ยวบินประวัติศาสตร์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หนึ่งในคนไทย เล่าเบื้องหลังละเอียดยิบกว่าจะออกจากอู่ฮั่น ความพิเศษของเที่ยวบินประวัติศาสตร์ ภูมิใจที่เป็นคนไทย ได้รับการดูแลเกินคาด

 


                         ผู้ใช้เฟซบุ๊ก MrsTian Rachawadee ซึ่งเป็น 1 ใน 138 คนไทยที่ได้รับการอพยพจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้โพสต์เรื่องราวบอกเล่าอย่างละเอียดถึงแผนการเดินทางจากอู่ฮั่น การทำงานอย่างทุ่มเทของบุคลากรการแพทย์ พนักงานสายการบินแอร์เอเชีย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทางการไทยทุกฝ่ายทั้งที่อยู่ในประเทศจีน จนกลับถึงบ้านเกิด ยังคงได้รับการดูแลอย่างดี จนเกิดความรู้สึกประทับใจต้องบันทึกไว้ 


 

                         โพสต์ของเธอระบุว่า  ณ เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เวลา 08.00 น. วันที่ 4/02/2020 วันนี้อากาศดีกว่าสองสามวันที่ผ่านมาซึ่งมีฝนตกเล็กน้อย มีแสงแดด ท้องฟ้าโปร่ง แต่ก็ยังมีหมอกจางๆ การรอคอยของเราได้สิ้นสุดลง.....

 

                         เราออกเดินทางจากหอพักเวลาแปดโมงเช้า ไปยัง สนามบินเทียนเหอ เมืองอู่ฮั่น เพื่อที่จะขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย โดยมหาวิทยาลัยจัดการหารถให้มาส่งเรา เจ้าหน้าที่นัดพวกเรามาเจอกัน เวลา 9.30 น. 

                         การเดินทางมาสนามบินของเราเป็นเรื่องง่ายแม้เกิดสถานการณ์แบบนี้ เจ้าหน้าที่ทางสถานทูตไทยมีหนังสือแจ้งกับทางการจีนในเมืองอู่ฮั่น เพื่อขอเปิดเส้นทางให้รถทุกคนที่มาส่งคนไทยเดินทางไปสนามบินได้ เพราะตอนนี้ถนนทุกเส้นทางถูกปิดถ้าไม่มีความจำเป็นทางการจีนจะไม่ให้ผ่าน

                         เมื่อมาถึงสนามบิน ก็พบว่า ไม่มีผู้คนอื่นนอกจากพวกเราคนไทย ที่จะอพยพ และเจ้าหน้าที่คนจีนที่เกี่ยวข้อง และพนักงานทำความสะอาด ร้านค้า ร้านอาหาร ในสนามบินถูกปิดหมด

                         เจ้าหน้าที่สถานทูตทยอยเช็คชื่อ ผู้ที่เดินทางมาถึงสนามบิน และวัดอุณหภูมิ พร้อมทั้งเตรียมน้ำและขนม ให้พวกเราไว้ทาน ในการรอคอยซึ่งนานกว่าการบินปกติ และในเวลาประมาณ 12.30 น. เจ้าหน้าที่แจ้งให้ทำการเช็คอิน โดยการเดินทางครั้งนี้เนื่องจากเป็นการอพยพ พวกเราสามารถนำสัมภาระติดตัวมาได้แค่ 7 กิโล เท่านั้น

 

 

 

                         เมื่อเช็คอินเสร็จ ผ่านด่านฉลุย แอบลุ้นเหมือนกันกลัวไม่ผ่าน แล้วก็เข้ามารอขึ้นเครื่องที่เกท การรอนี้ก็ยาวนานอีกเช่นกัน เพราะก่อนขึ้นเครื่องจะมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของไทย ใส่ชุดป้องเชื้อโรคอย่างมิดชิด มารอรับพวกเรา ก่อนขึ้นเครื่อง การขึ้นเครื่องบินครั้งนี้ ไม่ได้เดินขึ้นเครื่องสวยๆเหมือนปกติอย่างที่ผ่านมา

                         แต่มีการคัดกรองพวกเราก่อนขึ้นเครื่องได้อย่างมืออาชีพ ซึ่งเราก็แอบคิด เชื้อมันไม่น่าจะรอดไปได้นะ ถ้าทำกันถึงขนาดนี้ เพราะเห็นด้วยตาตัวเอง กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ เราเชื่อว่าประเทศไทยมีมาตรการในการควบคุมและป้องกันเชื้อโรคได้ดีจริงๆ

                         ท่านแรก เช็คชื่อ แจกป้ายห้อยคอ แจ้งเลขที่นั่งผู้โดยสารซึ่งพวกเราจะถูกจัดที่นั่งใหม่ ไม่ได้ยึดตามบอร์ดดิ้งพาส โดยผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากสุดถูกจัดไว้ที่นั่งด้านหลัง

 

 

 

                         ท่านที่สอง บีบเจลใสล้างมือ ใส่มือให้พวกเราซะล้นมือ ถ้าอาบได้คงให้อาบทั้งตัวไปแล้ว และยื่นอีกหลอดให้ถือติดตัว พร้อมทั้งให้ถอดหน้ากากอนามัยเดิมที่เราใส่มาทิ้ง และเปลี่ยนใส่หน้ากากอนามัยใหม่ ที่เตรียมไว้ให้

                         ท่านที่สาม ตรวจวัดอุณหภูมิอีกครั้ง และสอบถามอาการป่วยต่างๆ เบื้องต้น ว่ามีไหม

                         ท่านที่สี่ เก็บโทรศัพท์มือถือ ของเราใส่ในถุงซิป ง่ะ แทบขาดใจ

                         ท่านที่ห้า ยื่น ทิชชู่เปียก ที่ชโลมไปด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ให้เราเช็ดกระเป๋า สัมภาระทุกอย่างที่จะเอาเข้าไปในเครื่อง 

                         เสร็จจากทุกขั้นตอนนี้ เดินขึ้นเครื่องได้ด้วยอารมณ์แบบ เห้ย รู้สึกตัวสะอาดปราศจากเชื้อโรคจริงๆเดินเข้าประตูเครื่องบินมา เจอแอร์โฮสเตส มาในชุดขาวมิดชิด เห็นแค่ดวงตา แต่เราว่าสวย เก๋ไปอีกแบบ เหมาะกับสถานการณ์ ฮ่าๆๆ ทางสายการบินเตรียมน้ำและแซนด์วิช พร้อมอาหารจำนวนหนึ่ง ไว้ให้พวกเรา

 

                         หลังจากที่เครื่องเทคออฟ ไปได้สักพัก แทนที่เราจะได้ยินเสียง กัปตันสปีคกิ้ง แต่กลายเป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ สปิคกิ้งแทน เล่าเรื่องต่างๆ สร้างความบันเทิงให้กับพวกเรา เจ้าหน้าที่ที่ไปรับพวกเรา น่าจะมีประมาณ 9 ท่าน จากกระทรวงการต่างประเทศ แพทย์ พยาบาล และ ผอ. สถาบันบำราศ ทุกท่านดูแลพวกเราขณะอยู่บนเครื่องอย่างดี รวมถึงเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหาร ไม่บ่อยนักที่จะเห็นหมอ มาเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่มบนเครื่องบิน ไม่สิ!! เป็นไปไม่ได้มากกว่า แต่เป็นไปแล้ว เที่ยวบินนี้ พิเศษจริงๆ

 

                         และเวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ เครื่องแลนดิ้ง ที่สนามบินอู่ตะเภา เมื่อลงจากเครื่องมา มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เตรียมวัดอุณหภูมิ ก่อนนำเราขึ้นรถบัสของทางกองทัพเรือ และไปส่งเราเข้าที่พัก ณ อาคารรับรอง กองทัพเรือ

 

                         และวันนี้ 6/2/2020 วันที่สองสำหรับการกักกัน ทุกอย่างโอเคค่ะ เจ้าหน้าที่จัดอาหารให้เรา 4 มื้อ ต่อวัน รับรองเป็นหมูแน่ๆ ห้องพักสะอาด น่าอยู่ทีเดียว ที่สำคัญ Sea view แต่ไม่สามารถเดินออกไปชื่นชมทะเลไทยบ้านเราได้

 

                         สุดท้าย ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย และรัฐบาลไม่ทอดทิ้งเรา พาพวกเรากลับบ้านได้อย่างปลอดภัย และดูแลพวกเราอย่างดี ดีเกินคาด 


                         ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องพาพวกเรากลับบ้าน และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ขอบคุณสายการบิน แอร์เอเชีย #airasia กัปตัน ลูกเรือ ในภารกิจเที่ยวบินพิเศษนี้ ที่อาสาพาคนไทยกลับบ้านโดยปลอดภัย เอาใจไปเลยเต็มๆ เราจะใช้บริการแอร์เอเชีย ตลอดไปแน่นอน และหวังว่าจะไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้อีก


                         สำหรับพี่น้องคนไทยคนอื่นๆ ที่ติดอยู่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งไม่ได้อยู่ในเมืองอู่ฮั่น การเดินทางมาสนามบินเป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร ไม่มีขนส่งสาธารณะให้บริการ นอกจากเดินทางด้วยรถยนต์ บางคนอยู่ห่างจากอู่ฮั่นระยะทางสองร้อยกว่ากิโลเมตร บางคนก็หารถมาส่งที่สนามบินไม่ได้ ทำให้เดินทางกลับมาพร้อมกับเราเที่ยวนี้ไม่ได้ บางคนมีลูกน้อยสัญชาติจีน เดินทางไม่ได้คนเป็นแม่จะทิ้งลูกได้อย่างไร บางคนอยากกลับบ้านแต่พาสปอร์ตอยู่ที่นายจ้างก็ไม่ได้กลับ.. คิดแล้วคือเรายังโชคดีกว่าพวกเขามากๆ เอาใจช่วยนะคะ เชื่อว่าสถานการณ์ต้องดีขึ้น และคิดว่ายังไงทางรัฐบาลไทยต้องหาทางช่วยทุกท่านที่ยังติดอยู่ ออกมาให้ได้อย่างแน่นอน

 

 ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาแชร์  MrsTian Rachawadee 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ