ปฏิกริยากองทัพปากีสถานหลังจากอดีตผู้บัญชาการและประธานาธิบดี ถูกตัดสินประหาร ข้อหากบฏ
กองทัพปากีสถาน ออกแถลงการณ์เมื่อวาน ( 17 ธ.ค.) ระบุว่า ทหารในกองทัพรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก หลังจากศาลพิเศษ มีคำตัดสินให้ พล.อ.เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ มีความผิด ในข้อหากบฏ และลงโทษประหาร จากการประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน และระงับรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2550
แถลงการณ์ระบุว่า อดีตผู้บัญชาการกองทัพบก ประธานเสนาธิการทหารร่วม และประธานาธิบดีปากีสถาน ที่รับใช้ประเทศชาตินานกว่า 40 ปี ผ่านสงครามปกป้องประเทศหลายครั้ง ไม่มีวันจะเป็นผู้ทรยศไปได้อย่างแน่นอน ดูเหมือน กระบวนการอันควรแห่งกฎหมายถูกเพิกเฉย รวมถึงการก่อตั้งศาลพิเศษ การปฏิเสธสิทธิพื้นฐานการแก้ต่างให้ตนเอง ดำเนินการแบบเฉพาะบุคคล และสรุปคดีแบบเร่งรีบ กองทัพคาดหวังว่า กระบวนการยุติธรรมจะกระทำสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐปากีสถาน
อดีตนายพล 4 ดาวและประธานาธิบดี ที่ขึ้นสู่อำนาจผ่านการรัฐประหารแบบไม่เสียเลือดเนื้อเมื่อปี 2542 และปกครองปากีสถานนานเกือบ 10 ปี ถูกกล่าวหาละเมิดรัฐธรรมนูญด้วยการประกาศภาวะฉุกเฉินในปี 2550 องค์คณะผู้พิพากษา 3 คน ลงมติ 2-1 เสียงให้มีความผิดและประหารชีวิต
พล.อ.มูชาร์ราฟ ถูกตัดสินแบบลับหลัง ขณะยังอยู่ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขาถูกแจ้งข้อหากบฎในปี 2556 และถูกยื่นฟ้องเมื่อ 31 มีนาคม 2557 อัยการนำเสนอหลักฐานต่อศาลพิเศษในเดือนกันยายนปีเดียวกัน แต่การพิจารณาคดีค้างมานับแต่นั้น กระทั่งอดีตผู้นำเผด็จการทหาร ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากปากีสถานในเดือนมีนาคม 2559 ไปรักษาอาการป่วยที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
Statement on decision by Special court about General Pervez Musharraf, Retired. pic.twitter.com/C9UAMT1E4W
— DG ISPR (@OfficialDGISPR) December 17, 2019
เดอะ ดอว์น สื่อปากีสถาน รายงานว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา กองทัพไม่เคยแสดงความเห็นใดๆต่อคดี กระทั่งศาลมีคำพิพากษา
รายงานระบุว่าสำนักงานประชาสัมพันธ์กองทัพปากีสถาน (ไอเอสพีอาร์ ) ออกแถลงการณ์ฉบับนี้ หลังการประชุมร่วมผู้บัญชาการทหาร ที่กองบัญชาการใหญ่ เมืองราวัลปินดี
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่อดีตผู้บัญชาการกองทัพและผู้ปกรองประเทศ ถูกตัดสินประหาร
สำหรับนักวิจารณ์ มูชาร์ราฟคือเผด็จการทหาร และอาจมีส่วนต่อการลอบสังหารอดีตคู่แข่งการเมืองและอดีตนายกรัฐมนตรี เบนาซีร์ บุตโต ในปี 2550 ส่วนผู้สนับสนุนชื่นชมในความหนักแน่น รับมือกับภัยคุกคามทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงยกระดับภาพลักษณ์ปากีสถานบนเวทีโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง