สตีฟ อีสเตอร์บรูก พ้นตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแมคโดนัลด์ หลังประพฤติผิดนโยบาย มีสัมพันธ์กับพนักงาน
แถลงการณ์บริษัทแมคโดนัลด์ ระบุว่า สตีฟ อีสเตอร์บรูก ซึ่งเข้ามานั่งเก้าอี้ซีอีโอยักษ์ใหญ่ฟาสต์ฟูดในปี 2558 แสดงถึง "ความไร้วิจารณญาณ " กรณีมีความสัมพันธ์แบบสมยอมกับพนักงานคนหนึ่ง บริษัทได้แต่งตั้ง คริส เคมป์ซินสกี รับตำแหน่งทั้งสองแล้ว มีผลทันที
เคมป์ซินสกี เข้ามาร่วมงานกับบริษัทในปี 2558 ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งประธานแมคโดนัลด์ในสหรัฐ
อีสเตอร์บรูก ส่งอีเมล์ถึงพนักงานแมคโดนัลด์ แสดงความเสียใจกับการกระทำผิดพลาด ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับพนักงาน ซึ่งละเมิดนโยบายของแมคโดนัลด์ เขาเห็นพ้องกับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหาร และขอให้ทุกคนเคารพความเป็นส่วนตัว
อีสเตอร์บรูก ระบุด้วยว่า การเข้ามานั่งซีอีโอที่แมคโดนัลด์ คือช่วงเวลาประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตการทำงาน ทั้งยังเอ่ยถึง เคมป์ซินสกี ว่าเป็นบุคคลเหมาะสมที่สุดที่จะมารับตำแหน่งนี้
คณะกรรมการบริหารของแมคโดนัลด์ ลงมติให้อีสเตอร์บรูกพ้นตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ หลังสอบสวนความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารสูงสุดกับพนักงานคนหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ก่อนส่งอีเมล์แจ้งการลาออกต่อพนักงานเมื่อวาน ( 3 พ.ย.) และจะเผยรายละเอียดค่าชดเชยในวันนี้
อีสเตอร์บรูก ชาวอังกฤษ กุมบังเหียนฟาสต์ฟูดเบอร์หนึ่งโลกในช่วงที่บริษัทกำลังรุกปรับโฉมร้านสาขาสู่ความทันสมัย รวมถึงบอร์ดเมนูดิจิทัล และเข้าถือสิทธิ์ในบริษัทปัญญาประดิษฐ์ เพื่อยกระดับบริการ ไดรฟ์-ทรู และเพิ่มยอดขาย การปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ส่งผลให้ยอดขายของแมคโดนัลด์เติบโตต่อเนื่อง และตลาดหุ้นก็ขานรับ ราคาหุ้นแมคโดนัลด์พุ่งทะยานสองเท่านับจากปีที่อีสเตอร์บรูกมารับตำแหน่ง
วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า ค่าชดเชยของอีสเตอร์บรูก คุณพ่อลูกสามและหย่าแล้ว เพิ่มสูงขึ้นตามราคาหุ้นของแมคโดนัลด์ที่เคยพุ่งแตะระดับสูงสุดในปี 2560 ซึ่งคาดว่าโดยรวมจะอยู่ที่ 21.8 ล้านดอลลาร์ จำนวนนี้รวมถึงค่าตอบแทนตามผลงาน 9.1 ล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง