ข่าว

การกลับมาของนักรบสิ่งแวดล้อมรุ่นลายคราม"สแวมปี"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

 

 

โกวเล้ง ปรมาจารย์แห่งหนังสือยุทธจักรกำลังภายใน มักจะพูดเสมอๆ ว่า "ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นยังไม่สาย” แต่สำหรับ แดเนียล มาร์ค ฮูเปอร์ เจ้าของฉายา "สแวมปี” หรือ "ปลักตม” อาจจะคิดว่า “ลูกผู้ชาย ยี่สิบปีก็ยังไม่สายที่จะหวนคืนสู่เวทีอีกครั้ง”

 

เพียงแต่เวทีของสแวมปี ไม่ใช่เวทีการฆ่าฟันเพื่อล้างแค้นตามแบบฉบับของโกวเล้ง หากแต่เป็นเวทีการต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมโลกที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด

 

 

กว่าสองทศวรรษที่แดนผู้ดีอังกฤษได้เห็นการประท้วงเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวางเป็นครั้งแรก แม้ขบวนการนี้จะค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นมาในรูปโฉมหลากหลายแตกต่างกันไป แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว กลุ่ม เอ็กซ์ติงชัน รีเบลเลียน (  Extinction Rebellion  ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เอ็กซ์อาร์ อันเป็น “ขบวนการนักเคลื่อนไหวนานาชาติด้วยวิธีอารยะขัดขืนโดยไม่ใช้ความรุนแรง” ได้ปรากฏโฉมขึ้นมา

 

 

กลุ่มนี้ประสบความสำเร็จในการจับมือเป็นเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก มีกิจกรรมตามเมืองใหญ่ๆ หลายเมือง รวมถึงอัมสเตอร์ดัม เบอร์ลิน นิวยอร์ก และซิดนีย์ เพื่อบีบให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ประกาศ “ภาวะฉุกเฉินทางนิเวศวิทยาและสภาพภูมิอากาศ” รวมทั้งเร่งดำเนินการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทันที

 

การกลับมาของนักรบสิ่งแวดล้อมรุ่นลายคราม"สแวมปี"

 

 

 

 

ส่วนที่อังกฤษ กลุ่มนี้ได้รวมตัวประท้วงในกรุงลอนดอนนาน 2 สัปดาห์เมื่อเดือนกันยายน พร้อมกับยื่นข้อเรียกร้องสำคัญ 3 ข้อ ประกอบด้วยให้รัฐบาลต้องประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” ทางสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลต้องให้คำมั่นสัญญาตามกฎหมายว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2568 และต้องตั้งสภาพลเมืองเพื่อ “ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง”

 

 

อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ของสื่อดังหลายสื่อในประเทศนี้กลับพาดหัวใหญ่เป็นคนละเรื่องเดียวกันว่า “หลังจากหายหน้าไป 23 ปี ในที่สุด ”สแวมปี” นักรบด้านสิ่งแวดล้อมก็กลับมาแล้วพร้อมกับผมที่ตัดสั้น”

 

 

พร้อมกับรายงานว่า ”สแวมปี” นักรบสิ่งแวดล้อมรุ่นลายคราวกลับมาแล้ว หลังจากเก็บตัวเงียบไม่เป็นข่าวใดๆ มานานนับสิบปี โดยร่วมมือกับสาวกกลุ่มเอ็กซ์ติงชัน รีเบลเลียน 10 คน สวมกุญแจมือตัวเองติดกับบล็อกคอนกรีตตรงประตูทางเข้าขนาดใหญ่ของโรงกลั่นน้ำมันวาเลโรเพมโบริกในเวลส์ตะวันตก อันเป็นหนึ่งในโรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ถูกจับในข้อหาขัดขวางการจราจรขณะปิดล้อมโรงกลั่นน้ำมันแห่งนั้น

 

 

“สแวมปี” ซึ่งขณะนี้มีอายุ 46 ปี ถูกศาลสั่งปรับ 40 ปอนด์ นอกเหนือจากต้องจ่ายค่าเสียหายอีก 85 ปอนด์และค่าธรรมเนียมอีก 32 ปอนด์ ซึ่งเขาให้การยอมรับผิดว่าเจตนาจะขัดขวางการสัญจรบนถนนไฮเวย์ "ผมทำเช่นนี้เพราะต้องการป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมที่ใหญ่กว่านี้ อาชญากรรมต่อสิ่งแวดล้อมที่โลกต้องจ่ายให้แก่กลุ่มที่ต้องการแสวงหาแต่กำไร”

 

จากนั้น “สแวมปี” ได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ไอทีวีว่า "ความเชื่อของผมยังคงเหมือนเดิมเหมือนกับพวกเขาและแม้ว่าผมจะเก็บตัวเงียบมานาน 10 ปี ช่วงที่ต้องหยุดคิดว่าเราจะมีทางเปลี่ยนแปลงโลกได้หรือไม่ แต่แล้วกลุ่มเอ็กซ์ติงชัน รีเบลเลียน ก็เริ่มปรากฏตัว ซึ่งทำให้ผมมีความหวังอย่างแท้จริงและตอนนี้ทุกคนจำเป็นต้องคิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ รัฐบาลจำเป็นต้องเปลี่ยน บริษัทต่างๆ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนเช่นกัน”

 

 

ชื่อของ "สแวมปี” เริ่มโด่งดังช่วงปี 2539-2540 จากการประท้วง ซึ่งแทนที่จะพุ่งเป้าไปที่วิกฤติการณ์สภาพภูมิอากาศโลกหรือปัญหาโลกร้อน พวกเขากลับให้ความสำคัญกับการประท้วงโครงการขยายสาธารณูปโภคครั้งใหญ่รอบเกาะอังกฤษ ด้วยการขุดอุโมงค์แล้วใช้ชีวิตในอุโมงค์นั้นหนึ่งสัปดาห์เพื่อประท้วงการสร้างถนนเลียบเมืองเอ30 ในมณฑลเดวอน ประท้วงการสร้างถนนเลียบเมืองเอ็ม 11 นิวเบอรี และการขยายรันเวย์แห่งที่ 2 ที่สนามบินแมนเชสเตอร์

 

 

 

 

แดเนียล มาร์ค ฮูเปอร์ วัย 46 ปี เจ้าของฉายา "สแวมปี” เกิดเมื่อปี 2516 ในครอบครัวชนชั้นกลาง เป็นนักรบหรือนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่อายุแค่ 23 ปี กลายเป็นคนดังในชั่วพริบตาระหว่างการประท้วงการขยายถนนเลียบเมืองเอ30 ที่แฟร์มิลล์ มณฑลเดวอน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ เมื่อปี 2539 ด้วยการเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ลึกที่ขุดขึ้นใต้เส้นทางของถนนเลียบเมือง พร้อมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์หลายคนนานถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม และขัดขืนไม่ยอมให้ตำรวจลากตัวออกมา กระทั่งทางการต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการช่วยเหลือการติดอยู่ในพื้นที่คับแคบค่อยๆ พาตัวผู้ประท้วงออกมาทีละคน โดยคนสุดท้ายก็คือฮูเปอร์

 

 

 

การกลับมาของนักรบสิ่งแวดล้อมรุ่นลายคราม"สแวมปี"

 

 

นอกจากนี้เขายังได้ประท้วงด้วยวิธีการเดิม นั่นก็คือจัดการให้ตั้งค่ายขึ้นแล้วขุดอุโมงค์หลายแห่งเชื่อมต่อกันแล้วเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ที่ขุดขึ้น หมายจะขัดขวางการสร้างรันเวย์แห่งที่ 2 ขึ้นที่สนามบินแมนเชสเตอร์ รวมไปถึงการประท้วงด้วยการสร้างบ้านไม้บนต้นไม้ที่จะถูกโค่นตามโครงการสร้างทางเลี่ยงเมืองนิวเบอรรี่ ซึ่งจำเป็นต้องโค่นต้นไม้ถึงหนึ่งหมื่นต้นและยังเข้าร่วมการประท้วงเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ไทรเดนท์ที่ฟาสเลน สกอตแลนด์

 

 

สมญา "สแวมปี” ของฮูเปอร์มาจากการล้อเลียนบุคลิกของผู้พิพากษาเดร็ด ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง "สปอน์นี” ที่พยายามประวิงเวลาการก่อสร้าง "ลานจอด” ด้วยวิธีเดียวกับนักรบเพื่อสิ่งแวดล้อมตัวจริงเสียงจริง แต่การ์ตูนเรื่องนี้จบลงด้วยการที่สปอน์นีถูกฝังทั้งเป็นใต้คอนกรีตของอาคารสำนักงาน  ขณะที่โครงการก่อสร้างยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้

 

 

เช่นเดียวกับการประท้วงหลายต่อหลายครั้งของสแวมปีที่ไม่เคยประสบความสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว หนำซ้ำยังกระตุ้นโทสะของจอห์น วัตต์ รัฐมนตรีคมนาคมของพรรคอนุรักษนิยม กระทั่งออกปากว่า อยากให้สแวมปีถูกฝังใต้คอนกรีตเช่นกัน

 

 

หลังจากนั้น ฮูเปอร์ยังดังจากการเข้าร่วมในรายการตอบคำถาม “แฮฟ ไอ ก็อต นิวส์ ฟอร์ ยู” อันเป็นรายการตลกของบีบีซีเมื่อกลางเดือนเมษายน 2540 โดยเข้าร่วมในฐานะผู้อภิปรายที่อายุน้อยที่สุดตามด้วยการเขียนคอลัมน์ให้แก่หนังสือพิมพ์ซันเดย์

 

การกลับมาของนักรบสิ่งแวดล้อมรุ่นลายคราม"สแวมปี"  

 

 

ช่วงที่กระแสการประท้วงเพื่อสิ่งแวดล้อมเริ่มซาลงชั่วขณะเมื่อปี 2549 “สแวมปี” ตัดสินใจหันหลังให้แก่การประท้วงไปใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงกับเพื่อนสาว ที่กระโจมหนังแกะ ภายในคอมมูนนิวเอจ บนพื้นที่ 200 เอเคอร์ กลางหุบเขา ในเวลส์ตะวันตก ชาวบ้านต่างเรียกชุมชนฮิปปี้ มีสมาชิกซึ่งล้วนแต่เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่ประมาณ 100 คน ต่างอาศัยอยู่ในกระท่อมดินรายล้อมเต็นท์ใหญ่ตรงกลางเรียกว่า “บิ๊กลอดจ์” สำหรับเล่นโยคะและนั่งสมาธิ

 

 

สำหรับกระโจมหนังแกะของสแวมปีมีแผงโซลาร์สำหรับผลิตไฟใช้กับวิทยุเครื่องเล็กๆ และโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่มีไฟฟ้าและประปาใช้ ห้องสุขาใช้การขุดหลุมแบบโบราณ

 

อีกหนึ่งปีต่อมา หนังสือพิมพ์ซันเดย์มิร์เรอ ร์รายงานว่า สแวมปีได้เข้าร่วมในการประท้วงสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกที่ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ แต่ครั้งนี้เขาพยายามไม่ทำตัวให้ตกเป็นข่าวใหญ่จนกลบวัตถุประสงค์สำคัญของการประท้วง

 

 

เจ้าตัวยังคงพำนักอยู่ในชุมชนนี้เรื่อยมา โดยทำงานรับจ้างปลูกป่าและเก็บลูกโอ๊คให้แก่กรรมการด้านป่าไม้ ต่อมา สื่อบางฉบับรายงานว่า เขาได้กลายเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงลูกเล็กๆ 4 คน

 

 

การกลับมาของนักรบสิ่งแวดล้อมรุ่นลายคราม"สแวมปี"

 

 

 

 หนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ เคยรายงานเมื่อเดือนกันยายน 2556 ว่า สแวมปีได้วางมือจากการเป็นนักรบเพื่อสิ่งแวดล้อมแล้วและไม่อยากจะให้เรียกว่า “สแวมปี” อีกต่อไป 

 

”สแวมปีเคยเป็นชื่อของผม แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่ชื่อนี้อีกแล้ว เพื่อนๆ เป็นคนตั้งฉายานี้ให้และผมก็เคยชอบชื่อนี้ ย้อนไปดูอดีตตอนที่ร่วมการประท้วงหลายครั้ง พวกเราต่างก็เคยมีชื่อเล่น ตอนนี้ผมไม่ใช้ชื่อนี้ และก็ไม่เคยบอกใครว่าเคยมีฉายานี้ ตอนนี้ผมมีความสุขกับครอบครัว กับลูกๆ มีความสุขกับการวิ่งและกับการปลูกผัก”

 

 

ระหว่างให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี สแวมปีซึ่งขณะนั้นมีอายุ 40 ปี บอกว่า "บางคนอยากจะดัง แต่ผมไม่อยากดังและถึงขณะนี้ก็ไม่อยากดัง ผมยังสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมอยู่เหมือนเดิม แต่ปล่อยให้คนอื่นเขาเป็นจุดสนใจดีกว่า... สำหรับผมแล้ว เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ ผมไม่เคยมีเงินเก็บ แค่พอมีกินมีใช้ ตอนที่ผมเคยทำโน่นที่อย่างเช่นเขียนคอลัมน์ให้แก่หนังสือพิมพ์และปรากฏตัวในรายการของบีบีซีซึ่งผมไม่ชอบเลย ผมไม่ได้ทำเพื่อเงิน...บางคนก็อยากจะมีชื่อเสียงมีชื่อในหนังสือพิมพ์ แต่ผมไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย ผมยังตามข่าวอยู่แต่ไม่ใช่ข่าวขยะๆ”

 

 

ฮูเปอร์ยังให้สัมภาษณ์พิเศษเดอะซันว่า "ผมยังสนใจเรื่องการเจาะชั้นหินด้วยแรงดันน้ำอยู่ แต่ผู้ประท้วงไม่สนใจปัญหานี้ พวกเขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และผมก็ดีใจกับพวกเขามากๆ และหวังว่าจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวัง สามารถเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการเจาะชั้นหินด้วยแรงดันน้ำ ไม่เช่นนั้นแล้วอีกหน่อยน้ำจะเป็นพิษ ไม่ใช่เพราะสูบน้ำเข้า แต่เป็นเพราะสูบน้ำออกไป... ปัญหานี้กำลังเกิดขึ้นที่อเมริกาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาทำให้น้ำเป็นพิษแล้วก็ใช้น้ำนั้นจนหยดสุดท้าย จากนั้นก็เกิดภาวะแห้งแล้งขึ้นตามมา”

 

 

 

 

นอกเหนือจากช่วยปลูกป่าแล้ว อดีตนักรบรุ่นลายครามด้านสิ่งแวดล้อมยังชอบวิ่งมาราธอน เนื่องจากชอบอยู่กลางแจ้งและต้องการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยเคยเข้าร่วมรายการวิ่งมาราธอน 3 ครั้ง ฮาล์ฟมาราธอน 7 ครั้ง “ผมชอบวิ่งและชอบการแข่งขัน ผมสามารถวิ่งได้ 10 กม.ภายใน 35 นาที และใช้เวลา 3 ชม.กับ 10 นาทีกับการวิ่งมาราธอนที่สโนว์โดเนียซึ่งสุดโหดมาก

 

 

เจนี ฮาร์เวย์ อดีตแฟนสาววัย 38 ปี ออกปากชมอดีตสามีว่าเป็นคนทำงานหนักมากตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งมืดค่ำ เป็นงานที่ต้องใช้แรงทั้งนั้น ไม่ใช่เพื่อเงิน แค่พอมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียงเท่านั้น

 

 

ด้านสมาชิกคนหนึ่งในคอมมูนเผยว่า นอกจากวิ่งแล้ว สแวมปีจะใช้ชีวิตเหมือนฤาษี อยู่กับตัวเองไม่สุงสิงกับใคร ทำสวนเอง ทำโน่นทำนี่เอง เหนืออื่นใด เจ้าตัวจะทุ่มเวลาให้แก่ลูกๆ ซึ่งสามารถวิ่งเล่นและเติบโตในพื้นที่ที่ปลอดภัย และเมื่อลูกโตขึ้น สแวมปีได้ส่งลูกๆ 4 คน คนโตอายุ 14 ปีไปเรียนที่โรงเรียนท้องถิ่น โดยลูกๆ สวมชุดนักเรียน ขณะที่สภาเทศบาลถึงกับส่งรถโรงเรียนแล่นไปตามถนนที่เป็นฝุ่นไปรับเด็กนักเรียนไปเรียนหนังสือทุกวัน

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ