ทารกยุคก่อนประวัติศาสตร์กินนมจากขวดเหมือนกัน  

 
จูลี ดันน์ นักโบราณคดีเชิงชีวโมเลกุล มหาวิทยาลัยบริสทอล ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า พบหลักฐานโดยตรงชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นว่า เด็กวัยแบเบาะ กินและดื่มอย่างไรในยุคก่อนประวัติศาสตร์  
 

 

การค้นพบครั้งนี้ช่วยให้เห็นภาพการเลี้ยงทารกและเด็กของมนุษย์ยุคโบราณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าถูกมองข้ามมานาน

 

ผลวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร เนเจอร์ ระบุว่า หลังตรวจวิเคราะห์ถ้วย 3 ใบ ในหลุมศพของเด็กในยุคเหล็กและสัมฤทธิ์ ที่แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนีในยุคปัจจุบัน  โดย 2 ใบมาจากสุสานอายุ 800 ถึง 450 ปีก่อนคริสตกาล และใบที่ 3 มาจากอีกสถานที่หนึ่ง อายุ  1,200 ถึง 800 ปีก่อนคริสตกาล 

 

 

The University of Bristol

 

ภาชนะทั้งสาม มีพวยแคบๆและบางใบ ปั้นเป็นรูปทรงสัตว์ รายละเอียดหลายอย่างประกอบกัน ทำให้นักโบราณคดีสงสัยว่า เป็นขวดป้อนนมเด็ก  

 

 

เพื่อทดสอบทฤษฎีนี้ จึงสกัดตัวอย่างจากภายในภาชนะไปตรวจวิเคราะห์ทางเคมีอย่างละเอียด พบว่า สองใบเคยใส่นมจากสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัว และใบที่สาม พบร่องรอยของนมจากสัตว์อื่นที่ไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่งอาจจะเป็นสุกร หรือคน ข้อมูลที่ได้ประกอบกับตำแหน่งการพบถ้วยภายในหลุมศพเด็ก นำไปสู่ข้อสรุปว่าเป็นภาชนะใช้ป้อนนมทารก ก่อนหน้านี้ เคยมีการพบวัตถุโบราณที่สันนิษฐานว่าเป็นขวดนม แต่ไม่มีเบาะแสยืนยันได้ 

 

 

ขวดนมโบราณที่พบ เป็นเครื่องมือส่องครอบครัวยุคก่อนประวัติศาสตร์ ขณะพยายามรับมือกับปัญหาท้าทายในการให้อาหารทารกและป้อนนม ในวงจรชีวิตมนุษย์ในขั้นที่มีความเสี่ยงสูง   

 

 

 

University of Bristol: Katharina Rebay-Salisbury via ABC 

 

 

การค้นพบว่า บรรพบุรุษมนุษย์ยุคโบราณขยับจากการกินนมแม่มาเป็นอาหารอื่นๆได้อย่างไร อาจจะช่วยอธิบายได้มากขึ้นถึงวิธีการเลี้ยงเด็กในยุคนั้น และพัฒนาการของประชากรมนุษย์ 

 

ผู้เชี่ยวชาญบางคน สันนิษฐานว่า มนุษย์เริ่มป้อนนมทารกเร็วขึ้น หลังจากที่หันเหจากสังคมล่าสัตว์ ปักหลักดำรงชีวิตด้วยเกษตรกรรม จึงเข้าถึงพืชและนมสัตว์  ส่วนมารดาที่เลิกให้นมบุตรเร็ว อาจจะเข้าสู่ภาวะเจริญพันธุ์หลังคลอดไวขึ้น อาจเป็นเหตุให้ประชากรขยายตัวรวดเร็วในยุคหินใหม่ หรือ นีโอลิธิก 

 

ในทางกลับกัน การให้นมสัตว์กับลูกน้อย หมายถึงการนำความเสี่ยงใหม่ๆมาด้วย  ความเสี่ยงติดเชื้อเช่นแบคทีเรีย อาจทำให้อัตราการตายในวัยเด็กสูงเช่นกัน  ซึ่งประเด็นนี้จะเป็นการวิจัยในขั้นต่อไป